ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (29 ธ.ค.) โดยตลาดได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่ดีดตัวขึ้น ซึ่งช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานฟื้นตัวขึ้นด้วย ขณะที่หุ้นกลุ่มค้าปลีกและกลุ่มเทคโนโลยีได้รับแรงซื้ออย่างคึกคักเช่นกัน นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับปัจจัยบวกจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐปรับตัวสูงขึ้นในเดือนธ.ค.
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,720.98 จุด พุ่งขึ้น 192.71 จุด หรือ +1.10% ดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 5,107.94 จุด เพิ่มขึ้น 66.95 จุด หรือ +1.33% ดัชนีเอสแอนด์พี500 ปิดที่ 2,078.36 จุด เพิ่มขึ้น 21.86 จุด หรือ +1.06%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวขึ้นตั้งแต่ตลาดเปิดทำการ เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มพลังงานหลังจากราคาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้น อันเนื่องมาจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะปรับตัวลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 2 โดยสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยรายงานสต็อกน้ำมันดิบในวันนี้ เวลา 22.30 น.ตามเวลาไทย
ทั้งนี้ หุ้นทรานส์โอเชียน พุ่งขึ้น 3% หุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี ดีดตัวขึ้น 4.7% และหุ้นคอนโซล เอนเนอร์จี ปรับขึ้น 4.6%
ส่วนหุ้นกลุ่มค้าปลีกและกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้น Amazon.com พุ่งขึ้น 2.8% หุ้นอัลฟาเบธ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล อิงค์ ดีดตัวขึ้น 1.5% ขณะที่หุ้นแอปเปิลพุ่งขึ้น 1.8% หลังจากนักวิเคราะห์ของ Stifel คาดการณ์ว่า บริษัทแอปเปิล อิงค์ จะสามารถทำยอดขายผลิตภัณฑ์ไอโฟนได้ประมาณ 75 ล้านเครื่องในไตรมาสของปีงบการเงิน 2559
หุ้นกลุ่มธนาคารปรับฐานขึ้น โดยหุ้นซิตี้กรุ๊ป และหุ้นยูเอส แบงก์คอร์ป ต่างก็ปรับตัวขึ้นอย่างน้อย 1.1%
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากรายงานของ Conference Board ที่ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 96.5 ในเดือนธ.ค. จากระดับ 92.6 ในเดือนพ.ย. เนื่องจากความแข็งแกร่งของตลาดแรงงานและราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงได้ช่วยกระตุ้นให้ผู้บริโภคหันมาจับจ่ายใช้สอยกันมากขึ้นในช่วงเทศกาลวันหยุด
ขณะที่ผลสำรวจของสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์ระบุว่า ดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศสหรัฐเพิ่มขึ้น 5.2% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งมากกว่ากว่าเดือนก.ย.ที่ปรับตัวขึ้น 4.9% ในเดือนก.ย. เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐที่ฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้น ช่วยหนุนตลาดที่อยู่อาศัยให้แข็งแกร่งขึ้นด้วย
นักวิเคราะห์มองว่า ดัชนีดาวโจนส์ที่พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งเมื่อคืนนี้ อาจเป็นเพราะภาวะ "Santa Claus Rally" หรือภาวะการซื้อขายที่คึกคักในช่วง 5-7 วันสุดท้ายของเดือนธ.ค. โดยข้อมูลสถิติระบุว่า นับตั้งแต่ปีพ.ศ. 2471 เป็นต้นมานั้น ดัชนี S&P 500 มักจะปรับตัวขึ้นโดยเฉลี่ย 1.3% ในช่วง 5 วันทำการสุดท้ายของปี
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนพ.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เขตชิคาโก
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,720.98 จุด พุ่งขึ้น 192.71 จุด หรือ +1.10% ดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 5,107.94 จุด เพิ่มขึ้น 66.95 จุด หรือ +1.33% ดัชนีเอสแอนด์พี500 ปิดที่ 2,078.36 จุด เพิ่มขึ้น 21.86 จุด หรือ +1.06%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวขึ้นตั้งแต่ตลาดเปิดทำการ เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มพลังงานหลังจากราคาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้น อันเนื่องมาจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะปรับตัวลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 2 โดยสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยรายงานสต็อกน้ำมันดิบในวันนี้ เวลา 22.30 น.ตามเวลาไทย
ทั้งนี้ หุ้นทรานส์โอเชียน พุ่งขึ้น 3% หุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี ดีดตัวขึ้น 4.7% และหุ้นคอนโซล เอนเนอร์จี ปรับขึ้น 4.6%
ส่วนหุ้นกลุ่มค้าปลีกและกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้น Amazon.com พุ่งขึ้น 2.8% หุ้นอัลฟาเบธ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล อิงค์ ดีดตัวขึ้น 1.5% ขณะที่หุ้นแอปเปิลพุ่งขึ้น 1.8% หลังจากนักวิเคราะห์ของ Stifel คาดการณ์ว่า บริษัทแอปเปิล อิงค์ จะสามารถทำยอดขายผลิตภัณฑ์ไอโฟนได้ประมาณ 75 ล้านเครื่องในไตรมาสของปีงบการเงิน 2559
หุ้นกลุ่มธนาคารปรับฐานขึ้น โดยหุ้นซิตี้กรุ๊ป และหุ้นยูเอส แบงก์คอร์ป ต่างก็ปรับตัวขึ้นอย่างน้อย 1.1%
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากรายงานของ Conference Board ที่ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 96.5 ในเดือนธ.ค. จากระดับ 92.6 ในเดือนพ.ย. เนื่องจากความแข็งแกร่งของตลาดแรงงานและราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงได้ช่วยกระตุ้นให้ผู้บริโภคหันมาจับจ่ายใช้สอยกันมากขึ้นในช่วงเทศกาลวันหยุด
ขณะที่ผลสำรวจของสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์ระบุว่า ดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศสหรัฐเพิ่มขึ้น 5.2% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งมากกว่ากว่าเดือนก.ย.ที่ปรับตัวขึ้น 4.9% ในเดือนก.ย. เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐที่ฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้น ช่วยหนุนตลาดที่อยู่อาศัยให้แข็งแกร่งขึ้นด้วย
นักวิเคราะห์มองว่า ดัชนีดาวโจนส์ที่พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งเมื่อคืนนี้ อาจเป็นเพราะภาวะ "Santa Claus Rally" หรือภาวะการซื้อขายที่คึกคักในช่วง 5-7 วันสุดท้ายของเดือนธ.ค. โดยข้อมูลสถิติระบุว่า นับตั้งแต่ปีพ.ศ. 2471 เป็นต้นมานั้น ดัชนี S&P 500 มักจะปรับตัวขึ้นโดยเฉลี่ย 1.3% ในช่วง 5 วันทำการสุดท้ายของปี
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนพ.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เขตชิคาโก