ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (21 ธ.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงอย่างหนักติดต่อกัน 2 วันทำการก่อนหน้านี้ โดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มธนาคารได้รับแรงซื้อแข็งแกร่งสุด
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,251.62 จุด พุ่งขึ้น 123.07 จุด หรือ +0.72% ดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 4,968.92 จุด เพิ่มขึ้น 45.84 จุด หรือ +0.93% ดัชนี เอสแอนด์พี500 ปิดที่ 2,021.15 จุด เพิ่มขึ้น 15.60 จุด หรือ +0.78%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นตั้งแต่ตลาดเปิดทำการซื้อขาย และเคลื่อนไหวในแดนบวกกระทั่งตลาดปิดทำการ เนื่องจากนักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงอย่างหนักติดต่อกัน 2 วันทำการก่อนหน้านี้ อันเนื่องมาจากการร่วงลงอย่างต่อเนื่องของราคาน้ำมัน โดยราคาน้ำมันดิบในตลาดลอนดอนทรุดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 11 ปีเมื่อวันจันทร์(21ธ.ค.) ได้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้น โดยหุ้นเฟิร์สท์ โซลาร์ และหุ้นไมครอน เทคโนโลยี ต่างก็พุ่งขึ้นอย่างน้อย 2.8% ส่วนหุ้นแอปเปิล อิงค์ พุ่งขึ้น 1.2% เนื่องจากนักลงทุนยังคงมีความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มการทำกำไรของแอปเปิล หลังจากแอปเปิลเปิดเผยกำไรในไตรมาสที่สิ้นสุด ณ วันที่ 26 ก.ย. ปรับตัวเพิ่มขึ้น 31% เพราะได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของยอดขาย iPhone ในจีนซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างดีแม้ตลาดสมาร์ทโฟนทั่วโลกซบเซาลงก็ตาม
หุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้น โดยหุ้นเจพีมอร์แกน เชส ปรับตัวขึ้น 1.8% หุ้นอินเวสโก ดีดตัวขึ้น 3% หุ้นโคเมริกา อิงค์ และหุ้นคีย์คอร์ป ต่างก็ปรับตัวขึ้นอย่างน้อย 1.3%
หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นเนื่องจากแรงซื้อที่ส่งเข้าหนุนในช่วงท้ายของการซื้อขาย โดยหุ้นเซาท์เวสเทิร์น เอนเนอร์จี และหุ้นคอนโซล เอนเนอร์จี ต่างก็พุ่งขึ้นกว่า 5.9% ขณะที่หุ้น Oneok Inc พุ่งขึ้น 15% หลังจากบริษัทเปิดเผยแนวโน้มทางการเงินในปี 2559 ซึ่งรวมถึงแผนการจ่ายเงินปันผล
หุ้นกลุ่มธุรกิจสุขภาพทะยานขึ้นขานรับข้อมูลของรัฐบาลสหรัฐที่ระบุว่า ชาวอเมริกันกว่า 6 ล้านคนได้ลงทะเบียนในโครงการ "โอบามาแคร์" ซึ่งเป็นโครงการตามกฎหมายประกันสุขภาพ Patient Protection and Affordable Care Act (PPACA) ที่ริเริ่มโดยประธานาธิบดีบารัค โอบามา โดยหุ้นเทเน็ท เฮลธ์แคร์ และหุ้นเอชซีเอ โฮลดิงส์ ต่างก็ปรับตัวขึ้นกว่า 4.8%
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทย ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโก เปิดเผยว่า ดัชนีกิจกรรมการผลิตขยับลงสู่ระดับ -0.30 ในเดือนพ.ย. จาก -0.17 ในเดือนต.ค.
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ รวมถึงจีดีพีขั้นสุดท้ายช่วงไตรมาส 3/2558, ยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ย. และดัชนีภาคการผลิตเดือนธ.ค.จากเฟดสาขาริชมอนด์
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,251.62 จุด พุ่งขึ้น 123.07 จุด หรือ +0.72% ดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 4,968.92 จุด เพิ่มขึ้น 45.84 จุด หรือ +0.93% ดัชนี เอสแอนด์พี500 ปิดที่ 2,021.15 จุด เพิ่มขึ้น 15.60 จุด หรือ +0.78%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นตั้งแต่ตลาดเปิดทำการซื้อขาย และเคลื่อนไหวในแดนบวกกระทั่งตลาดปิดทำการ เนื่องจากนักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงอย่างหนักติดต่อกัน 2 วันทำการก่อนหน้านี้ อันเนื่องมาจากการร่วงลงอย่างต่อเนื่องของราคาน้ำมัน โดยราคาน้ำมันดิบในตลาดลอนดอนทรุดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 11 ปีเมื่อวันจันทร์(21ธ.ค.) ได้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้น โดยหุ้นเฟิร์สท์ โซลาร์ และหุ้นไมครอน เทคโนโลยี ต่างก็พุ่งขึ้นอย่างน้อย 2.8% ส่วนหุ้นแอปเปิล อิงค์ พุ่งขึ้น 1.2% เนื่องจากนักลงทุนยังคงมีความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มการทำกำไรของแอปเปิล หลังจากแอปเปิลเปิดเผยกำไรในไตรมาสที่สิ้นสุด ณ วันที่ 26 ก.ย. ปรับตัวเพิ่มขึ้น 31% เพราะได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของยอดขาย iPhone ในจีนซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างดีแม้ตลาดสมาร์ทโฟนทั่วโลกซบเซาลงก็ตาม
หุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้น โดยหุ้นเจพีมอร์แกน เชส ปรับตัวขึ้น 1.8% หุ้นอินเวสโก ดีดตัวขึ้น 3% หุ้นโคเมริกา อิงค์ และหุ้นคีย์คอร์ป ต่างก็ปรับตัวขึ้นอย่างน้อย 1.3%
หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นเนื่องจากแรงซื้อที่ส่งเข้าหนุนในช่วงท้ายของการซื้อขาย โดยหุ้นเซาท์เวสเทิร์น เอนเนอร์จี และหุ้นคอนโซล เอนเนอร์จี ต่างก็พุ่งขึ้นกว่า 5.9% ขณะที่หุ้น Oneok Inc พุ่งขึ้น 15% หลังจากบริษัทเปิดเผยแนวโน้มทางการเงินในปี 2559 ซึ่งรวมถึงแผนการจ่ายเงินปันผล
หุ้นกลุ่มธุรกิจสุขภาพทะยานขึ้นขานรับข้อมูลของรัฐบาลสหรัฐที่ระบุว่า ชาวอเมริกันกว่า 6 ล้านคนได้ลงทะเบียนในโครงการ "โอบามาแคร์" ซึ่งเป็นโครงการตามกฎหมายประกันสุขภาพ Patient Protection and Affordable Care Act (PPACA) ที่ริเริ่มโดยประธานาธิบดีบารัค โอบามา โดยหุ้นเทเน็ท เฮลธ์แคร์ และหุ้นเอชซีเอ โฮลดิงส์ ต่างก็ปรับตัวขึ้นกว่า 4.8%
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทย ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโก เปิดเผยว่า ดัชนีกิจกรรมการผลิตขยับลงสู่ระดับ -0.30 ในเดือนพ.ย. จาก -0.17 ในเดือนต.ค.
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ รวมถึงจีดีพีขั้นสุดท้ายช่วงไตรมาส 3/2558, ยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ย. และดัชนีภาคการผลิตเดือนธ.ค.จากเฟดสาขาริชมอนด์