สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (27 ต.ค.) หลังจากทางการสหรัฐระบุว่า ยอดขายบ้านใหม่เดือนก.ย.ของสหรัฐร่วงลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวส่งผลให้สกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงและช่วยหนุนแรงซื้อสัญญาทองคำ
สัญญาทองคำตลาดโคเม็กซ์ - COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 3.4 ดอลลาร์ หรือ 0.29% ปิดที่ระดับ 1,166.20 ดอลลาร์/ออนซ์
นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่เดือนก.ย.ลดลง 11.5% เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 468,000 ยูนิต โดยยอดขายบ้านใหม่ปรับตัวลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 555,000 ยูนิตในเดือนก.ย. ซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะชะลอตัวของตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐ
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวลดลงเมื่อคืนนี้ (27 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานพลังงานล้นตลาด หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่าสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐพุ่งขึ้นเกินคาด
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ส่งมอบเดือนธ.ค. ปรับตัวลง 62 เซนต์ หรือ 1.4% ปิดที่ 43.98 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ส่งมอบเดือนธ.ค. ปรับลดลง 45 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 47.54 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลงเนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานพลังงานล้นตลาด โดยความกังวลในเรื่องดังกล่าวมีขึ้นนับตั้งแต่ EIA รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 16 ต.ค. พุ่งขึ้น 8 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 476.6 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน และปรับขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 3.5 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากธนาคารโลกได้ปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในปี 2558 ลงมาอยู่ที่ 52 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากระดับ 75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลที่ระบุไว้ในรายงานเมื่อเดือนก.ค.
ด้านดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (26 ต.ค.) หลังจากมีรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่เดือนก.ย.ของสหรัฐร่วงลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการอ่อนแรงลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปรับตัวลง ขณะเดียวกันนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่จะทราบผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์นี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,623.05 จุด ลดลง 23.65 จุด หรือ -0.13% ดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 5,034.70 จุด เพิ่มขึ้น 2.84 จุด หรือ +0.06% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 2,071.18 จุด ลดลง 3.97 จุด หรือ -0.19%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างซบเซาตั้งแต่ตลาดเปิดทำการ เนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่จะทราบผลการประชุมเฟดซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 27-28 ต.ค.นี้ โดยนักลงทุนต้องการหาสัญญาณว่า เฟดจะส่งสัญญาณเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือไม่
ตลาดได้รับแรงกดดันมากขึ้นหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่เดือนก.ย.ลดลง 11.5% เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 468,000 ยูนิต โดยยอดขายบ้านใหม่ปรับตัวลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 555,000 ยูนิตในเดือนก.ย. ซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะชะลอตัวของตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐ
หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง หลังจากราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปรับตัวลง อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานล้นตลาด โดยเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 2.1% หุ้นเชฟรอน ดิ่งลง 2.7% และหุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี ร่วงลง 8.9%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวลงเช่นกัน โดยหุ้นแอปเปิล ร่วงลง 3.2% ก่อนที่บริษัทจะเปิดเผยผลประกอบการ ขณะที่หุ้นซีร็อกซ์ คอร์ป ดิ่งลง 3% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ที่น้อยกว่าการคาดการณ์
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันนี้ รวมถึงยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.ย., ราคาบ้านเดือนส.ค.จากสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเบื้องต้นเดือนต.ค., ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนต.ค.จาก Conference Board, ดัชนีภาคการผลิตเดือนต.ค.จากเฟดสาขาริชมอนด์ รวมทั้งคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) เริ่มการประชุมนโยบายการเงินและกำหนดอัตราดอกเบี้ยวันแรก
สัญญาทองคำตลาดโคเม็กซ์ - COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 3.4 ดอลลาร์ หรือ 0.29% ปิดที่ระดับ 1,166.20 ดอลลาร์/ออนซ์
นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่เดือนก.ย.ลดลง 11.5% เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 468,000 ยูนิต โดยยอดขายบ้านใหม่ปรับตัวลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 555,000 ยูนิตในเดือนก.ย. ซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะชะลอตัวของตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐ
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวลดลงเมื่อคืนนี้ (27 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานพลังงานล้นตลาด หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่าสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐพุ่งขึ้นเกินคาด
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ส่งมอบเดือนธ.ค. ปรับตัวลง 62 เซนต์ หรือ 1.4% ปิดที่ 43.98 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ส่งมอบเดือนธ.ค. ปรับลดลง 45 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 47.54 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลงเนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานพลังงานล้นตลาด โดยความกังวลในเรื่องดังกล่าวมีขึ้นนับตั้งแต่ EIA รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 16 ต.ค. พุ่งขึ้น 8 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 476.6 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน และปรับขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 3.5 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากธนาคารโลกได้ปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในปี 2558 ลงมาอยู่ที่ 52 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากระดับ 75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลที่ระบุไว้ในรายงานเมื่อเดือนก.ค.
ด้านดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (26 ต.ค.) หลังจากมีรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่เดือนก.ย.ของสหรัฐร่วงลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการอ่อนแรงลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปรับตัวลง ขณะเดียวกันนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่จะทราบผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์นี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,623.05 จุด ลดลง 23.65 จุด หรือ -0.13% ดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 5,034.70 จุด เพิ่มขึ้น 2.84 จุด หรือ +0.06% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 2,071.18 จุด ลดลง 3.97 จุด หรือ -0.19%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างซบเซาตั้งแต่ตลาดเปิดทำการ เนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่จะทราบผลการประชุมเฟดซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 27-28 ต.ค.นี้ โดยนักลงทุนต้องการหาสัญญาณว่า เฟดจะส่งสัญญาณเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือไม่
ตลาดได้รับแรงกดดันมากขึ้นหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่เดือนก.ย.ลดลง 11.5% เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 468,000 ยูนิต โดยยอดขายบ้านใหม่ปรับตัวลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 555,000 ยูนิตในเดือนก.ย. ซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะชะลอตัวของตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐ
หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง หลังจากราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปรับตัวลง อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานล้นตลาด โดยเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 2.1% หุ้นเชฟรอน ดิ่งลง 2.7% และหุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี ร่วงลง 8.9%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวลงเช่นกัน โดยหุ้นแอปเปิล ร่วงลง 3.2% ก่อนที่บริษัทจะเปิดเผยผลประกอบการ ขณะที่หุ้นซีร็อกซ์ คอร์ป ดิ่งลง 3% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ที่น้อยกว่าการคาดการณ์
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันนี้ รวมถึงยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.ย., ราคาบ้านเดือนส.ค.จากสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเบื้องต้นเดือนต.ค., ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนต.ค.จาก Conference Board, ดัชนีภาคการผลิตเดือนต.ค.จากเฟดสาขาริชมอนด์ รวมทั้งคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) เริ่มการประชุมนโยบายการเงินและกำหนดอัตราดอกเบี้ยวันแรก