นายอุดม รัฐอมฤต โฆษกคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวถึงความคืบหน้าในการประชุม กรธ.ซึ่งพิจารณาเรื่องฝ่ายบริหารในประเด็นคณะรัฐมนตรี ว่า หลักการทั่วไปยังคงลักษณะของรัฐธรรมนูญปี 2550 โดยจะมีคณะรัฐมนตรี 35 คน ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 35 ปี สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีหรือเทียบเท่า
ส่วนคุณสมบัติของผู้เป็นรัฐมนตรีต้องเป็นผู้มีความสุจริต และไม่มีปัญหาเรื่องจริยธรรม สำหรับการตรวจสอบในส่วนนี้ ถ้า ส.ส.หรือประชาชน เห็นว่าบุคคลที่ดำรงตำแหน่งมีพฤติกรรมมิสมควรสามารถร้องศาลให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ ซึ่ง กรธ.ยังไม่ได้กำหนดว่าจะให้ศาลใดเป็นผู้ชี้ขาด
โฆษก กรธ. กล่าวต่อว่า ส่วนที่มาของนายกรัฐมนตรียังคงในหลักการเดิมคือใช้เสียงกึ่งหนึ่งของจำนวน ส.ส.ทั้งหมดในสภาผู้แทนราษฎรเลือกบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี จำนวน 1 คน แต่บุคคลนั้นจะต้องมีรายชื่อที่พรรคการเมืองเสนอต่อประชาชนด้วย สำหรับพรรคการเมืองที่มี ส.ส.ร้อยละ 5 ของจำนวน ส.ส. สามารถเสนอชื่อบุคคลที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีได้เช่นกัน
นอกจากนี้ หากที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรยังไม่สามารถเลือกบุคคลที่เป็นนายกรัฐมนตรีได้ ก็ให้พรรคการเมืองไปหาเสียงสนับสนุนให้ได้เกินกึ่งหนึ่งโดยไม่จำเป็นต้องทำให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน แต่ถ้าไม่สามารถเลือกนายกรัฐมนตรีได้ในระยะหนึ่ง ก็ให้สภาผู้แทนราษฎรสิ้นสภาพไป และให้มีการเลือกตั้งใหม่ ขณะเดียวกัน หากนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีมีความผิดในการถือหุ้นและถูกตัดสินว่ามีความผิด บุคคลนั้นจะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ และถูกตัดสิทธิทางการเมือง 2 ปี จึงจะสามารถเข้ารับตำแหน่งได้อีกครั้ง
ส่วนคุณสมบัติของผู้เป็นรัฐมนตรีต้องเป็นผู้มีความสุจริต และไม่มีปัญหาเรื่องจริยธรรม สำหรับการตรวจสอบในส่วนนี้ ถ้า ส.ส.หรือประชาชน เห็นว่าบุคคลที่ดำรงตำแหน่งมีพฤติกรรมมิสมควรสามารถร้องศาลให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ ซึ่ง กรธ.ยังไม่ได้กำหนดว่าจะให้ศาลใดเป็นผู้ชี้ขาด
โฆษก กรธ. กล่าวต่อว่า ส่วนที่มาของนายกรัฐมนตรียังคงในหลักการเดิมคือใช้เสียงกึ่งหนึ่งของจำนวน ส.ส.ทั้งหมดในสภาผู้แทนราษฎรเลือกบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี จำนวน 1 คน แต่บุคคลนั้นจะต้องมีรายชื่อที่พรรคการเมืองเสนอต่อประชาชนด้วย สำหรับพรรคการเมืองที่มี ส.ส.ร้อยละ 5 ของจำนวน ส.ส. สามารถเสนอชื่อบุคคลที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีได้เช่นกัน
นอกจากนี้ หากที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรยังไม่สามารถเลือกบุคคลที่เป็นนายกรัฐมนตรีได้ ก็ให้พรรคการเมืองไปหาเสียงสนับสนุนให้ได้เกินกึ่งหนึ่งโดยไม่จำเป็นต้องทำให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน แต่ถ้าไม่สามารถเลือกนายกรัฐมนตรีได้ในระยะหนึ่ง ก็ให้สภาผู้แทนราษฎรสิ้นสภาพไป และให้มีการเลือกตั้งใหม่ ขณะเดียวกัน หากนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีมีความผิดในการถือหุ้นและถูกตัดสินว่ามีความผิด บุคคลนั้นจะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ และถูกตัดสิทธิทางการเมือง 2 ปี จึงจะสามารถเข้ารับตำแหน่งได้อีกครั้ง