สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนจำนวน 1,232 คน จากทั่วประเทศ ต่อกรณีที่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) หารือถึงที่มาของนายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะแนวทางที่เป็นสูตรใหม่ ที่ กรธ.ให้พรรคการเมืองระบุรายชื่อบุคคลที่จะสนับสนุนเป็นนายกรัฐมนตรี ก่อนเลือกตั้ง 1-5 รายชื่อ โดยบุคคลที่ถูกเสนอชื่อจะเป็น ส.ส.หรือไม่เป็น ส.ส.ก็ได้ โดยประชาชนส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 87.65 ระบุว่า คุณสมบัติของนายกรัฐมนตรีที่ประชาชนต้องการ คือ เป็นคนดี ซื่อสัตย์ จงรักภักดี มีคุณธรรม จริยธรรม ยุติธรรม และเป็นกลาง ขณะที่ร้อยละ 83.94 ต้องการนายกรัฐมนตรีที่เป็นคนเก่ง มีฝีมือ มีความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์ วิสัยทัศน์ ทักษะไหวพริบดี และร้อยละ 72.09 ต้องการนายกรัฐมนตรีที่มีความเป็นผู้นำ โดดเด่น มีชื่อเสียง และเป็นที่ยอมรับนับถือของคนทั่วไป
ส่วนคนที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี จำเป็นต้องเป็น ส.ส.หรือไม่นั้น ประชาชนร้อยละ 36.78 ระบุว่า จะเป็นหรือไม่เป็น ส.ส.ก็ได้ เพราะขึ้นอยู่ที่ตัวบุคคลมากกว่า อย่างไรก็ตาม ขอให้เป็นคนดี ซื่อสัตย์ มีความเสียสละ ทำเพื่อบ้านเมืองและประชาชน ขณะที่ประชาชนร้อยละ 34.63 ระบุว่าไม่จำเป็นต้องเป็น ส.ส. เพราะอาจมาจากการพิจารณาแต่งตั้ง หากเห็นว่าเป็นผู้ที่เหมาะสม และสามารถบริหารบ้านเมืองได้จริง อย่างไรก็ตาม ประชาชนร้อยละ 28.59 เห็นว่าคนที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี จำเป็นต้องเป็น ส.ส. เพราะเป็นบุคคลที่ประชาชนเลือกเข้ามาเอง มีความใกล้ชิดกับประชาชน รู้และเข้าใจปัญหาดี รวมทั้งมีประสบการณ์
สำหรับสูตรการเลือกนายกรัฐมนตรีตามแนวทางของ กรธ.เสนอ ประชาชนร้อยละ 63.42 เห็นว่านายกรัฐมนตรีจะมาจาก ส.ส.หรือไม่ก็ได้ เพราะเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง เปิดโอกาสให้คนเก่ง มีความรู้ความสามารถ และเหมาะสมกับตำแหน่งเข้ามาทำงาน โดยในอดีตมีนายกรัฐมนตรีหลายท่านที่ไม่ได้เป็น ส.ส.แต่มีผลงานและเป็นที่ยอมรับ นอกจากนี้ ประชาชนร้อยละ 28.21 สนับสนุนแนวทางที่นายกรัฐมนตรีต้องกมาจาก ส.ส. เพราะเป็นคนที่ประชาชนเลือกเข้ามา ทำหน้าที่เพื่อเป็นตัวแทนของประชาชนอย่างแท้จริง เพื่อความยุติธรรม ทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกัน และที่ผ่านมาก็เคยใช้วิธีนี้ ขณะที่ประชาชนร้อยละ 8.37 สนับสนุนแนวทางที่นายกรัฐมนตรีมาจากรายชื่อที่พรรคการเมืองเสนอ เพราะก่อนที่จะเสนอชื่อได้ ต้องมีการพิจารณากลั่นกรองคุณสมบัติอย่างละเอียด นักการเมืองน่าจะรู้ดีที่สุดว่าใครคือผู้ที่เหมาะสม และประชาชนได้รู้รายชื่อของผู้ที่จะเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีก่อนล่วงหน้า
ส่วนคนที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี จำเป็นต้องเป็น ส.ส.หรือไม่นั้น ประชาชนร้อยละ 36.78 ระบุว่า จะเป็นหรือไม่เป็น ส.ส.ก็ได้ เพราะขึ้นอยู่ที่ตัวบุคคลมากกว่า อย่างไรก็ตาม ขอให้เป็นคนดี ซื่อสัตย์ มีความเสียสละ ทำเพื่อบ้านเมืองและประชาชน ขณะที่ประชาชนร้อยละ 34.63 ระบุว่าไม่จำเป็นต้องเป็น ส.ส. เพราะอาจมาจากการพิจารณาแต่งตั้ง หากเห็นว่าเป็นผู้ที่เหมาะสม และสามารถบริหารบ้านเมืองได้จริง อย่างไรก็ตาม ประชาชนร้อยละ 28.59 เห็นว่าคนที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี จำเป็นต้องเป็น ส.ส. เพราะเป็นบุคคลที่ประชาชนเลือกเข้ามาเอง มีความใกล้ชิดกับประชาชน รู้และเข้าใจปัญหาดี รวมทั้งมีประสบการณ์
สำหรับสูตรการเลือกนายกรัฐมนตรีตามแนวทางของ กรธ.เสนอ ประชาชนร้อยละ 63.42 เห็นว่านายกรัฐมนตรีจะมาจาก ส.ส.หรือไม่ก็ได้ เพราะเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง เปิดโอกาสให้คนเก่ง มีความรู้ความสามารถ และเหมาะสมกับตำแหน่งเข้ามาทำงาน โดยในอดีตมีนายกรัฐมนตรีหลายท่านที่ไม่ได้เป็น ส.ส.แต่มีผลงานและเป็นที่ยอมรับ นอกจากนี้ ประชาชนร้อยละ 28.21 สนับสนุนแนวทางที่นายกรัฐมนตรีต้องกมาจาก ส.ส. เพราะเป็นคนที่ประชาชนเลือกเข้ามา ทำหน้าที่เพื่อเป็นตัวแทนของประชาชนอย่างแท้จริง เพื่อความยุติธรรม ทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกัน และที่ผ่านมาก็เคยใช้วิธีนี้ ขณะที่ประชาชนร้อยละ 8.37 สนับสนุนแนวทางที่นายกรัฐมนตรีมาจากรายชื่อที่พรรคการเมืองเสนอ เพราะก่อนที่จะเสนอชื่อได้ ต้องมีการพิจารณากลั่นกรองคุณสมบัติอย่างละเอียด นักการเมืองน่าจะรู้ดีที่สุดว่าใครคือผู้ที่เหมาะสม และประชาชนได้รู้รายชื่อของผู้ที่จะเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีก่อนล่วงหน้า