เผยผลสำรวจการเลือกนายกรัฐมนตรีในสายตาประชาชนจากสวนดุสิตโพล พบต้องการคนดี ซื่อสัตย์ จงรักภักดี มีคุณธรรมจริยธรรม ยุติธรรม เป็นกลาง สูสีกับคนเก่ง มีฝีมือ มีความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์ วิสัยทัศน์ ทักษะไหวพริบดี พบเลือกคนที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรี เป็น ส.ส.หรือไม่เป็นก็ได้ ระบุในอดีตนายกฯ ไม่ได้เป็น ส.ส.แต่มีผลงานดีและเป็นที่ยอมรับ
วันนี้ (15 พ.ย.) สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นในหัวข้อการเลือกนายกรัฐมนตรีในสายตาประชาชน จากกรณีที่กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) มีการประชุมหารือกรณีที่มาของนายกรัฐมนตรี พร้อมชี้แจงว่ามี 3 แนวทางให้เลือก โดยเฉพาะแนวทางที่ 3 เป็นสูตรใหม่ที่ กรธ.ให้พรรคการเมืองระบุรายชื่อบุคคลที่จะสนับสนุนเป็นนายกรัฐมนตรีก่อนเลือกตั้ง 1-5 รายชื่อ โดยบุคคลที่ถูกเสนอชื่อจะเป็น ส.ส.หรือไม่เป็น ส.ส.ก็ได้ ซึ่งก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์และเป็นประเด็นที่นักการเมืองต่างออกมาแสดงความคิดเห็นกันมาก โดยได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 1,232 คน ระหว่างวันที่ 12-14 พ.ย. สรุปผลได้ดังนี้
เมื่อถามถึงคุณสมบัตินายกรัฐมนตรีที่ประชาชนต้องการ พบว่าร้อยละ 87.65 เห็นว่าเป็นคนดี ซื่อสัตย์ จงรักภักดี มีคุณธรรมจริยธรรม ยุติธรรม เป็นกลาง รองลงมาคือ เป็นคนเก่ง มีฝีมือ มีความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์ วิสัยทัศน์ ทักษะไหวพริบดี ร้อยละ 83.94, อันดับ 3 เห็นว่า มีความเป็นผู้นำ โดดเด่น มีชื่อเสียง เป็นที่ยอมรับนับถือของคนทั่วไป ร้อยละ 72.09 ที่เหลือร้อยละ 55.31 เห็นว่าเสียสละ ตั้งใจทำงานเพื่อบ้านเมือง พูดจริงทำจริง บุคลิกภาพดี มาจากการเลือกตั้ง ฯลฯ
เมื่อถามว่า ประชาชนคิดว่าคนที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรี จำเป็นต้องเป็น ส.ส.หรือไม่ พบว่าร้อยละ 36.78 เห็นว่าเป็น ส.ส.หรือไม่เป็น ส.ส.ก็ได้ เพราะขึ้นอยู่ที่ตัวบุคคลมากกว่า ขอให้เป็นคนดี ซื่อสัตย์ มีความเสียสละ ทำเพื่อบ้านเมืองและประชาชน ฯลฯ รองลงมาคือ ไม่จำเป็นต้องเป็น ส.ส. ร้อยละ 34.63 เพราะอาจมาจากการพิจารณาแต่งตั้งหากเห็นว่าเป็นผู้ที่เหมาะสมและสามารถบริหารบ้านเมืองได้จริง ฯลฯ, อันดับ 3 เห็นว่า จำเป็นต้องเป็น ส.ส. เพราะเป็นบุคคลที่ประชาชนเป็นผู้เลือกเข้ามาเอง ใกล้ชิดประชาชน รู้และเข้าใจปัญหาดี มีประสบการณ์ ฯลฯ ร้อยละ 28.59
เมื่อถามว่า จากที่ กรธ.เสนอสูตรการเลือกนายกรัฐมนตรี 3 แนวทาง ประชาชนชอบแบบไหนมากที่สุด พบว่าร้อยละ 63.42 เห็นว่านายกรัฐมนตรีมาจาก ส.ส.หรือไม่ก็ได้ เพราะเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง เปิดโอกาสให้คนเก่ง มีความรู้ความสามารถ และเหมาะสมกับตำแหน่งเข้ามาทำงาน ในอดีตมีนายกรัฐมนตรีหลายท่านที่ไม่ได้เป็น ส.ส. แต่มีผลงานดีและเป็นที่ยอมรับ ฯลฯ รองลงมาคือ เห็นว่า นายกรัฐมนตรีต้องมาจาก ส.ส.ร้อยละ 28.21 เพราะเป็นคนที่ประชาชนเลือกเข้ามา ทำหน้าที่เพื่อเป็นตัวแทนของประชาชนอย่างแท้จริง เพื่อความยุติธรรม ทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกัน ที่ผ่านมาก็เคยใช้วิธีนี้ ฯลฯ, อันดับ 3 เห็นว่า นายกรัฐมนตรีมาจากรายชื่อที่พรรคการเมืองเสนอ เพราะก่อนที่จะเสนอชื่อได้ต้องมีการพิจารณากลั่นกรองคุณสมบัติอย่างละเอียด นักการเมืองน่าจะรู้ดีที่สุดว่าใครคือผู้ที่เหมาะสม ประชาชนได้รู้รายชื่อของผู้ที่จะเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีก่อนล่วงหน้า ฯลฯ ร้อยละ 8.37