กรุงเทพโพลล์โดยศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ สำรวจความคิดเห็นของประชาชนเรื่อง ประชาชนคิดอย่างไรกับแนวคิดการเลือกตั้งแบบใหม่ ระบบจัดสรรปันส่วนผสม โดยเก็บข้อมูลจากประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไป จำนวน 1,229 คน จากทุกภูมิภาคทั่วประเทศพบว่า ข้อดีของแนวคิดการเลือกตั้งแบบใหม่ในประเด็นการใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียว ทำให้เข้าใจง่ายในการลงคะแนน ประชาชนร้อยละ 86.9 เห็นด้วยมากที่สุด รองลงมาร้อยละ 81.0 เห็นด้วยกับประเด็นคุณสมบัติของผู้ที่ลงสมัครเลือกตั้งที่กำหนดให้ใครที่ทุจริตการเลือกตั้งจะถูกตัดสิทธิตลอดชีวิต ร้อยละ 69.8 เห็นด้วยกับประเด็นการเลือกตั้งระบบใหม่เป็นการคำนึงถึงคะแนนของประชาชนทุกเสียงที่ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้ง โดยคะแนนเสียงที่ไม่ได้รับเลือกจะไม่ถูกตัดทิ้งไป
ร้อยละ 69.6 เห็นด้วยกับประเด็นการเลือกตั้งระบบใหม่ช่วยกระตุ้นให้ประชาชนออกมาเลือกตั้ง เพราะถึงแม้ว่า ส.ส.ที่ตนเลือกไม่ได้รับเลือกตั้ง แต่ยังสามารถเอาไปนับรวมในระบบบัญชีรายชื่อได้” และร้อยละ 64.5 เห็นด้วยกับประเด็น “การเลือกตั้งระบบใหม่เป็นวิธีการปรองดอง คือให้คะแนนเฉลี่ยกับทุกพรรคการเมืองตามสมควร
เมื่อถามประชาชนว่าชอบแนวคิดการเลือกตั้งรูปแบบใดมากกว่ากันระหว่างการเลือกตั้งแบบเก่าที่ทำให้มีรัฐบาลที่เข้มแข็ง แต่ไม่ได้นำคะแนนเสียงทุกเสียงของประชาชนมาใช้ กับแนวคิดแบบใหม่ที่อาจทำให้มีรัฐบาลผสมหลายพรรคแต่นำคะแนนเสียงทุกเสียงมาใช้ พบว่า ร้อยละ 61.9 ชอบแนวคิดการเลือกตั้งแบบใหม่”ระบบจัดสรรปันส่วนผสมมากกว่า ขณะที่ร้อยละ 27.4 ชอบการเลือกตั้งระบบเดิมมากกว่า ที่เหลือร้อยละ 10.7 ไม่แน่ใจ
สุดท้ายเมื่อถามว่าต้องการเลือกนายกรัฐมนตรีด้วยรูปแบบใดพบว่า ร้อยละ 73.4 ต้องการเลือกนายกรัฐมนตรีได้เองโดยตรง ขณะที่ร้อยละ 21.8 ต้องการเลือกโดยผ่าน ส.ส.ในสภาฯ และร้อยละ 4.8 ไม่แน่ใจ
ร้อยละ 69.6 เห็นด้วยกับประเด็นการเลือกตั้งระบบใหม่ช่วยกระตุ้นให้ประชาชนออกมาเลือกตั้ง เพราะถึงแม้ว่า ส.ส.ที่ตนเลือกไม่ได้รับเลือกตั้ง แต่ยังสามารถเอาไปนับรวมในระบบบัญชีรายชื่อได้” และร้อยละ 64.5 เห็นด้วยกับประเด็น “การเลือกตั้งระบบใหม่เป็นวิธีการปรองดอง คือให้คะแนนเฉลี่ยกับทุกพรรคการเมืองตามสมควร
เมื่อถามประชาชนว่าชอบแนวคิดการเลือกตั้งรูปแบบใดมากกว่ากันระหว่างการเลือกตั้งแบบเก่าที่ทำให้มีรัฐบาลที่เข้มแข็ง แต่ไม่ได้นำคะแนนเสียงทุกเสียงของประชาชนมาใช้ กับแนวคิดแบบใหม่ที่อาจทำให้มีรัฐบาลผสมหลายพรรคแต่นำคะแนนเสียงทุกเสียงมาใช้ พบว่า ร้อยละ 61.9 ชอบแนวคิดการเลือกตั้งแบบใหม่”ระบบจัดสรรปันส่วนผสมมากกว่า ขณะที่ร้อยละ 27.4 ชอบการเลือกตั้งระบบเดิมมากกว่า ที่เหลือร้อยละ 10.7 ไม่แน่ใจ
สุดท้ายเมื่อถามว่าต้องการเลือกนายกรัฐมนตรีด้วยรูปแบบใดพบว่า ร้อยละ 73.4 ต้องการเลือกนายกรัฐมนตรีได้เองโดยตรง ขณะที่ร้อยละ 21.8 ต้องการเลือกโดยผ่าน ส.ส.ในสภาฯ และร้อยละ 4.8 ไม่แน่ใจ