“ปูติน” กอดคอผู้นำสูงสุดอิหร่านค้าน “คนนอก” ปลดอัสซาด โดยที่ “คาเมเนอี” แฉอเมริกามี "แผนระยะยาว” ในการครอบครองซีเรียและตะวันออกกลาง
สงครามกลางเมืองในซีเรียหวนกลับมาเป็น “สงครามตัวแทน” ระหว่างมหาอำนาจโลกสองค่าย ฝ่ายแรกรัสเซียและอิหร่านร่วมกันสนับสนุนประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาดของซีเรีย และอีกฝ่ายคือมหาอำนาจตะวันตกนำโดยสหรัฐฯ ตุรกี และประเทศในอ่าวเปอร์เซีย ที่ต้องการโค่นล้มอัสซาด โดยที่ภายหลังเหตุระเบิดที่ปารีส ขณะที่ประธานาธิบดีฟรองซัวส์ ออลลองด์ ของฝรั่งเศส เผชิญแรงกดดันให้ต้องปฏิบัติการตอบโต้เล่นงานไอเอสอย่างจริงจังยิ่งขึ้น ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ก็รีบยื่นเสนอพร้อมจับมือเป็นพันธมิตรกับแดนน้ำหอม ขณะที่ผู้นำชาติตะวันตกอื่นๆ เช่น ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐฯ และนายกรัฐมนตรี เดวิด คาเมรอน ของอังกฤษ ดูจะพยายามดึงรั้งออลลองด์เอาไว้
“อเมริกามีแผนการระยะยาวและกำลังพยายามครอบครองซีเรียก่อนครอบงำทั้งตะวันออกกลาง ซึ่งจะกระทบกระเทือนทุกประเทศ โดยเฉพาะเตหะรานและมอสโก” อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่านกล่าวระหว่างการหารือกับปูติน โดยผู้นำทั้งสองได้พบปะหารือกันข้างเคียง ระหว่างที่มีการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกก๊าซ (จีอีซีเอฟ) ที่กรุงเตหะรานเมื่อวันจันทร์ (23) คาเมเนอียังสำทับว่า วอชิงตันกำลังพยายามบรรลุเป้าหมายทางทหารที่ล้มเหลวในซีเรีย ด้วยวิธีการทางการเมือง ซึ่งเขาหมายถึงการเจรจาสันติภาพเพื่อยุติสงครามกลางเมืองในซีเรีย
ขณะเดียวกัน สำนักข่าวอินเตอร์แฟกซ์รายงานโดยอ้างการให้สัมภาษณ์ของโฆษกวังเครมลินว่า ปูติน และคาเมเนอีเห็นพ้องว่า คนนอกไม่ควรเข้าไปบงการกระบวนการทางการเมืองของซีเรีย และมีเพียงประชาชนซีเรียเท่านั้นที่สามารถตัดสินอนาคตของอัสซาดได้ผ่านการเลือกตั้งภายหลังการหยุดยิง
ผู้นำสูงสุดของอิหร่านยกย่องปูตินว่า "สกัดแผนการของวอชิงตัน” และเสริมว่า ควรขยายความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างเตหะรานและมอสโกจากระดับปัจจุบัน
สงครามกลางเมืองในซีเรียหวนกลับมาเป็น “สงครามตัวแทน” ระหว่างมหาอำนาจโลกสองค่าย ฝ่ายแรกรัสเซียและอิหร่านร่วมกันสนับสนุนประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาดของซีเรีย และอีกฝ่ายคือมหาอำนาจตะวันตกนำโดยสหรัฐฯ ตุรกี และประเทศในอ่าวเปอร์เซีย ที่ต้องการโค่นล้มอัสซาด โดยที่ภายหลังเหตุระเบิดที่ปารีส ขณะที่ประธานาธิบดีฟรองซัวส์ ออลลองด์ ของฝรั่งเศส เผชิญแรงกดดันให้ต้องปฏิบัติการตอบโต้เล่นงานไอเอสอย่างจริงจังยิ่งขึ้น ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ก็รีบยื่นเสนอพร้อมจับมือเป็นพันธมิตรกับแดนน้ำหอม ขณะที่ผู้นำชาติตะวันตกอื่นๆ เช่น ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐฯ และนายกรัฐมนตรี เดวิด คาเมรอน ของอังกฤษ ดูจะพยายามดึงรั้งออลลองด์เอาไว้
“อเมริกามีแผนการระยะยาวและกำลังพยายามครอบครองซีเรียก่อนครอบงำทั้งตะวันออกกลาง ซึ่งจะกระทบกระเทือนทุกประเทศ โดยเฉพาะเตหะรานและมอสโก” อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่านกล่าวระหว่างการหารือกับปูติน โดยผู้นำทั้งสองได้พบปะหารือกันข้างเคียง ระหว่างที่มีการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกก๊าซ (จีอีซีเอฟ) ที่กรุงเตหะรานเมื่อวันจันทร์ (23) คาเมเนอียังสำทับว่า วอชิงตันกำลังพยายามบรรลุเป้าหมายทางทหารที่ล้มเหลวในซีเรีย ด้วยวิธีการทางการเมือง ซึ่งเขาหมายถึงการเจรจาสันติภาพเพื่อยุติสงครามกลางเมืองในซีเรีย
ขณะเดียวกัน สำนักข่าวอินเตอร์แฟกซ์รายงานโดยอ้างการให้สัมภาษณ์ของโฆษกวังเครมลินว่า ปูติน และคาเมเนอีเห็นพ้องว่า คนนอกไม่ควรเข้าไปบงการกระบวนการทางการเมืองของซีเรีย และมีเพียงประชาชนซีเรียเท่านั้นที่สามารถตัดสินอนาคตของอัสซาดได้ผ่านการเลือกตั้งภายหลังการหยุดยิง
ผู้นำสูงสุดของอิหร่านยกย่องปูตินว่า "สกัดแผนการของวอชิงตัน” และเสริมว่า ควรขยายความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างเตหะรานและมอสโกจากระดับปัจจุบัน