สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลดลงเมื่อคืนวันศุกร์ (20 พ.ย.) เนื่องจากมีการคาดการณ์ว่าอุปทานน้ำมันจะพุ่งสูงเกินกว่าอุปสงค์
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 15 เซนต์ หรือ 0.37% ปิดที่ 40.39 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 48 เซนต์ หรือ 1.09% ปิดที่ 44.66 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) รายงานเมื่อวันพุธว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 13 พ.ย. เพิ่มขึ้น 252,000 บาร์เรล สู่ระดับ 487.3 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าปีที่แล้วอยู่ 106.2 ล้านบาร์เรล และเป็นการปรับเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 8 ติดต่อกัน
ขณะที่สต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคุชชิ่ง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบน้ำมัน เพิ่มขึ้น 1.5 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 56.9 ล้านบาร์เรล
ด้านบริษัท เบเกอร์ ฮิวจ์ รายงานเมื่อวันศุกร์ว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐลดลง 10 แท่น เหลือ 564 แท่นในสัปดาห์นี้ แต่ข้อมูลดังกล่าวไม่สามารถหนุนราคาน้ำมันได้
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลดลงเมื่อคืนวันศุกร์ (20 พ.ย.) โดยได้รับปัจจัยถ่วงจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ รวมถึงกระแสคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในเดือนหน้า
สัญญาทองคำตลาดโคเม็กซ์-COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 1.6 ดอลลาร์ หรือ 0.15% ปิดที่ระดับ 1,076.30 ดอลลาร์/ออนซ์
นอกจากเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าแล้ว ราคาทองคำยังได้รับแรงกดดันหลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยรายงานการประชุมประจำวันที่ 27-28 ต.ค.ของเฟดระบุว่า เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายของเฟดมีความเห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะรับมือกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยซึ่งอาจจะเกิดขึ้นในการประชุมเดือนหน้า
นายวิลเลียม ดัดลีย์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก กล่าวว่า เฟดควรเตรียมปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในไม่ช้า ขณะที่กรรมการเฟดมีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่าอัตราเงินเฟ้อจะดีดตัวขึ้นจากระดับต่ำ และการจ้างงานจะยังคงมีเสถียรภาพ
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนวันศุกร์ (20 พ.ย.) หลังจากที่นักลงทุนซึมซับถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด เกี่ยวกับกรอบเวลาในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่ในวันศุกร์ไม่มีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญจากสหรัฐ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 91.06 จุด หรือ 0.51% ปิดที่ 17,823.81 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 บวก 7.93 จุด หรือ 0.38% ปิดที่ 2,089.17 จุด และดัชนีแนสแด็ก เพิ่มขึ้น 31.28 จุด หรือ 0.62% ปิดที่ 5,104.92 จุด
นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาเซนต์หลุยส์ เปิดเผยว่า สหรัฐจะกลับไปสู่ยุคที่มีความไม่แน่นอนมากขึ้นเกี่ยวกับการดำเนินนโยบายการเงินของเฟดในการประชุมแต่ละครั้ง
นายบูลลาร์ดกล่าวว่า หลังจากที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกแล้ว การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปก็จะมีความไม่แน่นอนมากขึ้น โดยขึ้นอยู่กับข้อมูลทางเศรษฐกิจที่เฟดได้รับในการประชุมแต่ละครั้ง นอกจากนั้นยังกล่าวเสริมว่า เฟดจะต้องพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงแนวทางการดำเนินนโยบาย โดยขึ้นอยู่กับพัฒนาการทางเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ รายงานการประชุมประจำวันที่ 27-28 ต.ค.ของเฟดระบุว่า เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายของเฟดมีความเห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะรับมือกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยซึ่งอาจจะเกิดขึ้นในการประชุมเดือนหน้า
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 15 เซนต์ หรือ 0.37% ปิดที่ 40.39 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 48 เซนต์ หรือ 1.09% ปิดที่ 44.66 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) รายงานเมื่อวันพุธว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 13 พ.ย. เพิ่มขึ้น 252,000 บาร์เรล สู่ระดับ 487.3 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าปีที่แล้วอยู่ 106.2 ล้านบาร์เรล และเป็นการปรับเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 8 ติดต่อกัน
ขณะที่สต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคุชชิ่ง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบน้ำมัน เพิ่มขึ้น 1.5 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 56.9 ล้านบาร์เรล
ด้านบริษัท เบเกอร์ ฮิวจ์ รายงานเมื่อวันศุกร์ว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐลดลง 10 แท่น เหลือ 564 แท่นในสัปดาห์นี้ แต่ข้อมูลดังกล่าวไม่สามารถหนุนราคาน้ำมันได้
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลดลงเมื่อคืนวันศุกร์ (20 พ.ย.) โดยได้รับปัจจัยถ่วงจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ รวมถึงกระแสคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในเดือนหน้า
สัญญาทองคำตลาดโคเม็กซ์-COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 1.6 ดอลลาร์ หรือ 0.15% ปิดที่ระดับ 1,076.30 ดอลลาร์/ออนซ์
นอกจากเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าแล้ว ราคาทองคำยังได้รับแรงกดดันหลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยรายงานการประชุมประจำวันที่ 27-28 ต.ค.ของเฟดระบุว่า เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายของเฟดมีความเห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะรับมือกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยซึ่งอาจจะเกิดขึ้นในการประชุมเดือนหน้า
นายวิลเลียม ดัดลีย์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก กล่าวว่า เฟดควรเตรียมปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในไม่ช้า ขณะที่กรรมการเฟดมีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่าอัตราเงินเฟ้อจะดีดตัวขึ้นจากระดับต่ำ และการจ้างงานจะยังคงมีเสถียรภาพ
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนวันศุกร์ (20 พ.ย.) หลังจากที่นักลงทุนซึมซับถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด เกี่ยวกับกรอบเวลาในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่ในวันศุกร์ไม่มีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญจากสหรัฐ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 91.06 จุด หรือ 0.51% ปิดที่ 17,823.81 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 บวก 7.93 จุด หรือ 0.38% ปิดที่ 2,089.17 จุด และดัชนีแนสแด็ก เพิ่มขึ้น 31.28 จุด หรือ 0.62% ปิดที่ 5,104.92 จุด
นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาเซนต์หลุยส์ เปิดเผยว่า สหรัฐจะกลับไปสู่ยุคที่มีความไม่แน่นอนมากขึ้นเกี่ยวกับการดำเนินนโยบายการเงินของเฟดในการประชุมแต่ละครั้ง
นายบูลลาร์ดกล่าวว่า หลังจากที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกแล้ว การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปก็จะมีความไม่แน่นอนมากขึ้น โดยขึ้นอยู่กับข้อมูลทางเศรษฐกิจที่เฟดได้รับในการประชุมแต่ละครั้ง นอกจากนั้นยังกล่าวเสริมว่า เฟดจะต้องพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงแนวทางการดำเนินนโยบาย โดยขึ้นอยู่กับพัฒนาการทางเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ รายงานการประชุมประจำวันที่ 27-28 ต.ค.ของเฟดระบุว่า เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายของเฟดมีความเห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะรับมือกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยซึ่งอาจจะเกิดขึ้นในการประชุมเดือนหน้า