ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 200 จุดเมื่อคืนนี้ (15 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนมองว่า ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐซึ่งมีการเปิดเผยล่าสุดเมื่อวานนั้น อาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังไม่ตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 16-17 ก.ย.นี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,599.85 จุด พุ่งขึ้น 228.89 จุด หรือ +1.40% ดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 4,860.52 จุด เพิ่มขึ้น 54.76 จุด หรือ +1.14% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 1,978.09 จุด เพิ่มขึ้น 25.06 จุด หรือ +1.28%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงหนุนจากมุมมองที่ว่า ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอล่าสุดของสหรัฐนั้น อาจทำให้เฟดใช้เป็นเหตุผลที่จะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 16-17 ก.ย.นี้ โดยเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทย กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งน้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.3%
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (15 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากสัญญาน้ำมันดิบปิดร่วงลงติดต่อกัน 2 วันทำการก่อนหน้านี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยในวันนี้
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 59 เซนต์ ปิดที่ 44.59 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค.ที่ตลาดลอนดอน เพิ่มขึ้น 26 เซนต์ ปิดที่ 46.63 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้น เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากที่สัญญาได้ร่วงลงติดต่อกัน 2 วันทำการก่อนหน้านี้ อันเป็นผลมาจากการที่โกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันดิบในตลาดสหรัฐจะอยู่ที่ 48.10 ดอลลาร์/บาร์เรลในปีนี้ ลดลงจากคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ 52 ดอลลาร์ นอกจากนั้นยังได้ปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดสหรัฐในปีหน้าสู่ระดับ 45 ดอลลาร์/บาร์เรล จากคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ 57 ดอลลาร์
นักลงทุนจับตาดูธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่จะประชุมนโยบายในวันพุธ และจะสรุปผลการประชุมในวันพฤหัสบดี ว่าพวกเขาจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยมาตรฐานหรือไม่ ซึ่งนักวิเคราะห์ระบุว่า นักลงทุนเตรียมพร้อมสำหรับผลลัพธ์ที่จะตามมาแล้ว
อีกทั้งนักลงทุนยังจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐ ซึ่ง EIA จะเปิดเผยในช่วงค่ำวันนี้ตามเวลาไทย ขณะที่เทรดเดอร์คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบอาจจะปรับตัวเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 3
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (15 ก.ย.) เพราะได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ การที่ตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ ยังส่งผลให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 5.1 ดอลลาร์ หรือ 0.46% ปิดที่ระดับ 1,102.60 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำปรับตัวลงเพราะได้รับปัจจัยลบจากสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นมาตรวัดความเคลื่อนไหวของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับ 6 สกุลเงินหลักๆนั้น ปรับตัวขึ้น 0.35% เมื่อคืนนี้ ซึ่งการแข็งค่าของดอลลาร์ทำให้สัญญาทองคำซึ่งซื้อขายในรูปสกุลดอลลาร์มีราคาแพงขึ้นและไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือสกุลเงินอื่น
นอกจากนี้ การที่ตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ ยังส่งผลให้นักลงทุนเทขายทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย และหันไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,599.85 จุด พุ่งขึ้น 228.89 จุด หรือ +1.40% ดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 4,860.52 จุด เพิ่มขึ้น 54.76 จุด หรือ +1.14% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 1,978.09 จุด เพิ่มขึ้น 25.06 จุด หรือ +1.28%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงหนุนจากมุมมองที่ว่า ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอล่าสุดของสหรัฐนั้น อาจทำให้เฟดใช้เป็นเหตุผลที่จะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 16-17 ก.ย.นี้ โดยเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทย กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งน้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.3%
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (15 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากสัญญาน้ำมันดิบปิดร่วงลงติดต่อกัน 2 วันทำการก่อนหน้านี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยในวันนี้
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 59 เซนต์ ปิดที่ 44.59 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค.ที่ตลาดลอนดอน เพิ่มขึ้น 26 เซนต์ ปิดที่ 46.63 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้น เนื่องจากนักลงทุนเข้ามาช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากที่สัญญาได้ร่วงลงติดต่อกัน 2 วันทำการก่อนหน้านี้ อันเป็นผลมาจากการที่โกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันดิบในตลาดสหรัฐจะอยู่ที่ 48.10 ดอลลาร์/บาร์เรลในปีนี้ ลดลงจากคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ 52 ดอลลาร์ นอกจากนั้นยังได้ปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดสหรัฐในปีหน้าสู่ระดับ 45 ดอลลาร์/บาร์เรล จากคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ 57 ดอลลาร์
นักลงทุนจับตาดูธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่จะประชุมนโยบายในวันพุธ และจะสรุปผลการประชุมในวันพฤหัสบดี ว่าพวกเขาจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยมาตรฐานหรือไม่ ซึ่งนักวิเคราะห์ระบุว่า นักลงทุนเตรียมพร้อมสำหรับผลลัพธ์ที่จะตามมาแล้ว
อีกทั้งนักลงทุนยังจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐ ซึ่ง EIA จะเปิดเผยในช่วงค่ำวันนี้ตามเวลาไทย ขณะที่เทรดเดอร์คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบอาจจะปรับตัวเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 3
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (15 ก.ย.) เพราะได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ การที่ตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ ยังส่งผลให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 5.1 ดอลลาร์ หรือ 0.46% ปิดที่ระดับ 1,102.60 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำปรับตัวลงเพราะได้รับปัจจัยลบจากสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นมาตรวัดความเคลื่อนไหวของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับ 6 สกุลเงินหลักๆนั้น ปรับตัวขึ้น 0.35% เมื่อคืนนี้ ซึ่งการแข็งค่าของดอลลาร์ทำให้สัญญาทองคำซึ่งซื้อขายในรูปสกุลดอลลาร์มีราคาแพงขึ้นและไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือสกุลเงินอื่น
นอกจากนี้ การที่ตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ ยังส่งผลให้นักลงทุนเทขายทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย และหันไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า