พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยกรณีที่หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ใช้มาตรา 44 คุ้มครองเจ้าหน้าที่บริหารจัดการระบายข้าวในสต๊อกของรัฐบาล ว่า เป็นคนละประเด็นกับการดำเนินคดีผู้กระทำผิด เนื่องจากยังมีข้าวจากโครงการรับจำนำข้าวเปลือกค้างในโกดังทั่วประเทศเป็นปริมาณมหาศาล ซึ่งเป็นภาระค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษา และจะถูกกดราคาหากเก็บไว้นานกว่านี้ ทั้งพบว่าการระบายข้าวมีปัญหาหลายด้าน เช่น บางคลังมีข้าวล้มกองจำเป็นต้องจำหน่ายเหมาคลัง ซึ่งอาจมีข้าวใช้ได้ปะปนอยู่บ้าง กับยังมีคดีที่เกี่ยวข้องกับการระบายข้าวหลายคดี ราคาข้าวที่จะระบายออกไปยังมีราคาที่ต่างจากราคารับจำนำค่อนข้างมาก เพราะเป็นข้าวเสื่อมสภาพ ทำให้ผู้ปฏิบัติงานไม่กล้าตัดสินใจและหาผู้ปฏิบัติงานได้ยาก ดังนั้น คำสั่งของหัวหน้า คสช. จะช่วยคุ้มครองผู้ปฏิบัติงาน ทั้งคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว คณะอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าว เจ้าหน้าที่ภาครัฐ ภาคเอกชน และอีกหลายส่วนที่ปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริตให้เกิดความมั่นใจมากขึ้น และป้องกันการถูกกล่าวหาว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อน