คาดนายกรัฐมนตรี นาจิบ ราซัค ของมาเลเซีย จะเผชิญการทดสอบอย่างหนักหนาสาหัสที่สุดในเส้นทางอาชีพทางการเมืองของเขา เมื่อสภาเปิดประชุมขึ้นอีกครั้งในสัปดาห์หน้า และบรรดานักการเมืองสำคัญทั้งในพรรคอัมโนของเขาเอง ตลอดจนฝ่ายค้าน แท็กทีมรุมซักไซ้กรณีอื้อฉาวกองทุน 1MDB ไปจนถึงข้อตกลงค้าเสรีที่อเมริกาเป็นหัวโจก รวมทั้งร่างงบประมาณประจำปี
การกุมอำนาจในพรรคสหมาเลย์แห่งชาติ (อัมโน) เอาไว้อย่างเหนียวแน่น ทำให้ นาจิบ ยังคงครองตำแหน่งอยู่ได้ แม้ประชาชนไม่พอใจการบริหารทางการเงินผิดพลาดและข้อกล่าวหาคอร์รัปชั่นจากกรณีกองทุน “1มาเลเซีย ดิเวลอปเมนท์” (1MDB) ที่มีตัวเขาเป็นประธานบอร์ดที่ปรึกษาก็ตาม
อย่างไรก็ดี อำนาจในอัมโนของนาจิบเริ่มคลอนแคลน หลังจากผู้นำอาวุโสบางคนในพรรค เป็นต้นว่า มูห์ยิดดิน ยัสซิน อดีตรองนายกรัฐมนตรีและตัวเก็งผู้สืบทอดอำนาจของนาจิบ ได้จับมือร่วมกับอดีตนายกรัฐมนตรีมหาเธร์ โมฮัมหมัด วิพากษ์วิจารณ์นาจิบเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (12) และเรียกร้องให้สมาชิกพรรค “เปิดปาก” วิจารณ์พฤติกรรมที่ผิดทำนองคลองธรรม
แม้ไม่มีการเรียกร้องให้นาจิบลาออกอย่างเปิดเผย แต่กลุ่มกบฏอัมโนเหล่านี้อาจแผ้วทางให้ฝ่ายค้านได้ยื่นญัตติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีในการเปิดประชุมสภาสัปดาห์หน้า
เถียน ฉั่ว รองประธานพรรคฝ่ายค้าน PKR เผยว่า พรรคตัดสินใจในหลักการแล้วว่า จะเดินหน้ายื่นญัตติไม่ไว้วางใจ ซึ่งจะต้องพึ่งผู้นำบางคนของพรรคร่วมรัฐบาล เนื่องจากขณะนี้ ไม่ใช่เวลาจะมาแบ่งพรรคแบ่งพวก แต่ทุกคนต้องร่วมใจกันเพื่อปกป้องประเทศชาติและประชาชน
อย่างไรก็ดี ความหวังมีเพียงริบหรี่ที่จะถึงขั้นโค่นล้มนาจิบได้สำเร็จ เนื่องจากฝ่ายค้านขาดเสียงถึง 25 เสียงจึงจะได้เสียงข้างมากเพื่อเสนอญัตติ และถึงแม้รวบรวมเสียงได้ครบ แต่ก็อาจถูกประธานสภาผู้แทนราษฎรปฏเสธไม่นำเข้าวาระ
กระนั้น นอกเหนือจากเรื่องการเสนอญัตติไม่ไว้วางใจ นาจิบก็ยังต้องเจอด่านทดสอบในสภาในประเด็นอื่นๆ อยู่ดี เป็นต้นว่า การพิจารณางบประมาณประจำปี และการอนุมัติข้อตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (TPP) ซึ่งแหล่งข่าวทางการเมืองเผยว่า ถูกต่อต้านทั้งจากภายในพรรคอัมโนเอง และทั้งจากฝ่ายค้าน
วัน ไซฟูล วัน จัน ประธานบริหารกลุ่มคลังสมอง อินสติติวท์ ฟอร์ เดโมเครซี แอนด์ อิโคโนมิก แอฟแฟร์ (ไอเดียส์) ชี้ว่า การพ่ายแพ้การลงคะแนนในเรื่องสำคัญเหล่านี้ไม่ว่าเรื่องใดก็ตาม จะเท่ากับเป็นการโหวตไม่ไว้วางใจและทำให้สถานะของนาจิบคลอนแคลนอย่างรุนแรง
การกุมอำนาจในพรรคสหมาเลย์แห่งชาติ (อัมโน) เอาไว้อย่างเหนียวแน่น ทำให้ นาจิบ ยังคงครองตำแหน่งอยู่ได้ แม้ประชาชนไม่พอใจการบริหารทางการเงินผิดพลาดและข้อกล่าวหาคอร์รัปชั่นจากกรณีกองทุน “1มาเลเซีย ดิเวลอปเมนท์” (1MDB) ที่มีตัวเขาเป็นประธานบอร์ดที่ปรึกษาก็ตาม
อย่างไรก็ดี อำนาจในอัมโนของนาจิบเริ่มคลอนแคลน หลังจากผู้นำอาวุโสบางคนในพรรค เป็นต้นว่า มูห์ยิดดิน ยัสซิน อดีตรองนายกรัฐมนตรีและตัวเก็งผู้สืบทอดอำนาจของนาจิบ ได้จับมือร่วมกับอดีตนายกรัฐมนตรีมหาเธร์ โมฮัมหมัด วิพากษ์วิจารณ์นาจิบเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (12) และเรียกร้องให้สมาชิกพรรค “เปิดปาก” วิจารณ์พฤติกรรมที่ผิดทำนองคลองธรรม
แม้ไม่มีการเรียกร้องให้นาจิบลาออกอย่างเปิดเผย แต่กลุ่มกบฏอัมโนเหล่านี้อาจแผ้วทางให้ฝ่ายค้านได้ยื่นญัตติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีในการเปิดประชุมสภาสัปดาห์หน้า
เถียน ฉั่ว รองประธานพรรคฝ่ายค้าน PKR เผยว่า พรรคตัดสินใจในหลักการแล้วว่า จะเดินหน้ายื่นญัตติไม่ไว้วางใจ ซึ่งจะต้องพึ่งผู้นำบางคนของพรรคร่วมรัฐบาล เนื่องจากขณะนี้ ไม่ใช่เวลาจะมาแบ่งพรรคแบ่งพวก แต่ทุกคนต้องร่วมใจกันเพื่อปกป้องประเทศชาติและประชาชน
อย่างไรก็ดี ความหวังมีเพียงริบหรี่ที่จะถึงขั้นโค่นล้มนาจิบได้สำเร็จ เนื่องจากฝ่ายค้านขาดเสียงถึง 25 เสียงจึงจะได้เสียงข้างมากเพื่อเสนอญัตติ และถึงแม้รวบรวมเสียงได้ครบ แต่ก็อาจถูกประธานสภาผู้แทนราษฎรปฏเสธไม่นำเข้าวาระ
กระนั้น นอกเหนือจากเรื่องการเสนอญัตติไม่ไว้วางใจ นาจิบก็ยังต้องเจอด่านทดสอบในสภาในประเด็นอื่นๆ อยู่ดี เป็นต้นว่า การพิจารณางบประมาณประจำปี และการอนุมัติข้อตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (TPP) ซึ่งแหล่งข่าวทางการเมืองเผยว่า ถูกต่อต้านทั้งจากภายในพรรคอัมโนเอง และทั้งจากฝ่ายค้าน
วัน ไซฟูล วัน จัน ประธานบริหารกลุ่มคลังสมอง อินสติติวท์ ฟอร์ เดโมเครซี แอนด์ อิโคโนมิก แอฟแฟร์ (ไอเดียส์) ชี้ว่า การพ่ายแพ้การลงคะแนนในเรื่องสำคัญเหล่านี้ไม่ว่าเรื่องใดก็ตาม จะเท่ากับเป็นการโหวตไม่ไว้วางใจและทำให้สถานะของนาจิบคลอนแคลนอย่างรุนแรง