“มหาเธร์” ไม่รามือ ชี้ท่าทีนายกฯ มาเลย์พิสูจน์ชัดข้อกล่าวหายักยอกกองทุนรัฐ

รอยเตอร์ - มหาเธร์ โมฮัมหมัด อดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซียเมื่อวันจันทร์ (17 ส.ค.) กลับมาโจมตีนายนาจิบ ราซัค ผู้นำคนปัจจุบันอีกรอบ ระบุว่าการระงับสืบสวนกองทุนรัฐที่เต็มไปด้วยหนี้สิน ช่วยให้นายนาจิบรอดพ้นจากการถูกดำเนินการทางกฎหมาย แต่พฤติกรรมของเขาคือเครื่องยืนยันถึงคำกล่าวหาต่างๆ ที่มีต่อนายกรัฐมนตรีรายนี้ได้เป็นอย่างดี

นายนาจิบ ต้องเผชิญเสียงวิจารณ์ประชาชนและภายในพรรคของเขา หลังหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานเมื่อเดือนกรกฎาคมว่าคณะสืบสวนกำลังดำเนินการตรวจสอบข้อกล่าวหายักยอกเงินและบริหารจัดการ กองทุน วัน มาเลเซีย ดีเวลลอปเมนต์ เบอร์ฮัด (1MDB) ผิดพลาด หลังพบว่ามีการโอนเงินจากกองทุนแห่งนี้เกือบ 671 ล้านดอลลาร์ เข้าบัญชีส่วนตัวของนายนาจิบ

อย่างไรก็ตาม นายนาจิบปฏิเสธว่าไม่ได้รับเงินใดๆ เพื่อประโยชน์ส่วนตัว และบอกว่าข้อกล่าวหาต่างๆเหล่านั้นเป็นส่วนหนึ่งของแผนประสงค์ร้ายที่ต้องการขับไล่เขาลงจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ส่วนทาง 1MDB ยืนยันว่าไม่เคยโอนเงินเข้าบัญชีนายนาจิบ และรายงานของรัฐบาลในเบื้องต้นไม่พบข้อพิรุธใดๆ

คณะกรรมาธิการต่อต้านคอร์รัปชันมาเลเซีย (MACC) บอกว่าเงินที่อยู่ในบัญชีของนายนาจิบเป็นเงินบริจาคและไม่เกี่ยวข้องกับกองทุน 1MDB แต่ระหว่างข่าวคราวอื้อฉาวนั้น นายมหาเธร์ อดีตนายกรัฐมนตรีที่ดำรงตำแหน่งยาวนานของมาเลเซียและยังมีอิทธิพลสูงลิ่ว รวมถึงยังกลายมาเป็นนักวิจารณ์นายนาจิบอย่างดุเดือด ได้เรียกร้องนายกรัฐมนตรีรายนี้ลาออกตำแหน่งรับผิดชอบเรื่องดังกล่าว

นายนาจิบ ระงับการทำหน้าที่ของคณะกรรมาธิการรัฐสภาที่กำลังตรวจสอบบัญชีของ 1MDB ปลดอัยการสูงสุดซึ่งทำคดีนี้ และพักงานสมาชิกคณะกรรมาธิการต่อต้านคอร์รัปชันและเจ้าหน้าที่ของธนาคารกลางหลายคน ฐานต้องสงสัยปล่อยข้อมูลการสืบสวนรั่วไหล

อ้างถึงพฤติกรรมดังกล่าว นายมหาเธร์บอกว่านายนาจิบปกป้องตนเองจากการถูกดำเนินการทางกฎหมาย “ตอนนี้ไม่สามารถดำเนินการทางกฎหมายกับนายนาจิบได้เพราะว่าข้อกล่าวหาต่างๆ เหล่านั้นไม่ได้รับการพิสูจน์” มหาเธร์ เขียนลงบล็อก “แต่การกระทำของเขาเป็นเครื่องยืนยันได้อย่างดีต่อข้อกล่าวหาต่างๆ ที่มีต่อตัวเขา หลักนิติธรรมกำลังกลับหัวกลับหาง”

เมื่อเดือนที่แล้ว นายนาจิบปลดรองนายกรัฐมนตรีในการปรับรัฐบาล โดยถอดพวกรัฐมนตรีที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ความเกี่ยวข้องของเขากับกองทุนรัฐแห่งนี้ที่นายนาจิบเป็นผู้ก่อตั้งในปี 2009 และเขาก็ยังคงมีตำแหน่งเป็นประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาของกองทุนเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจมาเลเซียในระยะยาวดังกล่าว อย่างไรก็ตาม เวลานี้ 1MDB มีหนี้สินถึง 11,000 ล้านดอลลาร์ ท่ามกลางข้อครหาว่าหาบริหารงานผิดพลาดและทำธุรกรรมไม่โปร่งใส

ธนาคารกลางเผยเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า การสืบสวนของพวกเขาต่อกองทุนแห่งนี้เสร็จสิ้นแล้ว และได้ยื่นผลการสืบสวนไปยังอัยการสูงสุดแล้วเช่นกัน แต่ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดใดๆ