xs
xsm
sm
md
lg

ทองคำพุ่ง ดาวโจนส์ปิดร่วงวอลมาร์ททรุด น้ำมันขยับลง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (14 ต.ค.) เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซาของสหรัฐและสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง ได้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย

สัญญาทองคำตลาดโคเม็กซ์-COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 14.4 ดอลลาร์ หรือ 1.24% ปิดที่ระดับ 1,179.80 ดอลลาร์/ออนซ์

นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากสกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง และจากการที่สหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2%

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (14 ต.ค.) หลังจากวอลมาร์ท สโตร์ อิงค์ ยักษ์ใหญ่ค้าปลีกของสหรัฐประกาศปรับลดแนวโน้มยอดขายในปีนี้ และเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ธนาคารรายใหญ่ของสหรัฐ เปิดเผยรายได้ปรับตัวลดลงในไตรมาส 3 นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งระบุว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจกระเตื้องขึ้นเล็กน้อย

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,924.75 จุด ร่วงลง 157.14 จุด หรือ -0.92% ดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 4,782.85 จุด ลดลง 13.76 จุด หรือ -0.29% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 1,994.24 จุด ลดลง 9.45 จุด หรือ -0.47%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มผลประกอบการของห้างค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐอย่างวอลมาร์ท สโตร์ อิงค์ โดยวอลมาร์ทปรับลดแนวโน้มยอดขายในปีนี้ และระบุว่า การที่ทางบริษัททำการลงทุนในวงเงินกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ในระบบดิจิตอล จะส่งผลกระทบต่อผลประกอบการในปีหน้า อีกทั้งคาดว่าบริษัทจะได้รับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนมากกว่าที่คาดไว้

ทั้งนี้ วอลมาร์ทคาดว่ากำไรต่อหุ้นจะลดลง 6%-12% ในปีงบการเงินต่อไป ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า บริษัทจะมีกำไรต่อหุ้นที่ระดับ 4.73 ดอลลาร์ในปีงบการเงิน 2017 สูงกว่าระดับ 4.54 ดอลลาร์ที่คาดไว้สำหรับปี 2016

ด้านเจพี มอร์แกน เชส แอนด์ โค ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่สุดของสหรัฐเมื่อพิจารณาจากสินทรัพย์ เปิดเผยว่ารายได้ในไตรมาส 3 ลดลงสู่ระดับ 2.354 หมื่นล้านดอลลาร์ เนื่องธนาคารยังต้องเผชิญกับภาวะผันผวนในตลาด และอัตราดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในระดับต่ำ

ขณะเดียวกัน ตลาดได้รับแรงกดดันจากรายงาน Beige Book ของเฟดซึ่งระบุว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจในหลายภูมิภาคของสหรัฐมีการขยายตัวเพียงเล็กน้อยในช่วงกลางเดือนส.ค.จนถึงต้นเดือนต.ค. เนื่องจากกิจกรรมภาคการผลิตได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์

นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐยังส่งผลให้ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กซบเซาลงเมื่อคืนนี้ด้วย โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2% ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ร่วงลง 0.5% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายเดือน บ่งชี้ว่าอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับต่ำ อันเนื่องมาจากการร่วงลงของราคาน้ำมัน และดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (14 ต.ค.) ท่ามกลางภาวะการซื้อขายที่ซบเซา เนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ในวันนี้

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนพ.ย.ลดลง 2 เซนต์ ปิดที่ 46.64 ดอลลาร์/บาร์เรล

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย.ที่ตลาดลอนดอน ลดลง 9 เซนต์ ปิดที่ 49.15 ดอลลาร์/บาร์เรล

ภาวะการซื้อขายในตลาดน้ำมันนิวยอร์กเป็นไปอย่างซบเซา ก่อนที่ EIA จะเปิดเผยรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ในวันนี้เวลา 22.00 น.ตามเวลาไทย

ส่วนในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 2 ต.ค.ที่ผ่านมานั้น สต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 3.1 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 461 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกัน และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.5 ล้านบาร์เรล

นอกจากนี้ ตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานล้นตลาด หลังจากสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) คาดการณ์ว่าตลาดน้ำมันโลกจะยังคงประสบกับภาวะน้ำมันล้นตลาดจนถึงปีหน้า

ขณะที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) รายงานว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปกในช่วงเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 109,000 บาร์เรล สู่ระดับเฉลี่ย 31.57 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2555
กำลังโหลดความคิดเห็น