สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (12 ต.ค.) โดยสัญญาทองคำยังคงได้รับแรงหนุนจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 8.6 ดอลลาร์ หรือ 0.74% ปิดที่ระดับ 1,164.50 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 6 ก.ค.ปีนี้
สัญญาทองคำได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ โดยนายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานเฟดสาขาชิคาโก กล่าวเมื่อวานนี้ว่า เฟดไม่ควรรีบเร่งในกระบวนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (12 ต.ค.) หลังจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) รายงานว่า การผลิตน้ำมันดิบของโอเปกปรับตัวสูงขึ้นในเดือนก.ย. ซึ่งข้อมูลดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานล้นตลาด
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. ที่ตลาดนิวยอร์ก ร่วงลง 2.53 ดอลลาร์ หรือ 5.1% ปิดที่ 47.1 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย. ที่ตลาดลอนดอน ดิ่งลง 2.79 ดอลลาร์ หรือ 5.3% ปิดที่ 49.86 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบร่วงลงหลังจากโอเปกเปิดเผยรายงานประจำเดือนเมื่อวานนี้ โดยระบุว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของโอเปกในช่วงเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 109,000 บาร์เรล สู่ระดับเฉลี่ย 31.57 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2555
อย่างไรก็ตาม โอเปกคาดว่า การผลิตน้ำมันของสหรัฐจะลดลงในปีหน้า เป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปี
ทั้งนี้ ในรายงานตลาดน้ำมันรายเดือน โอเปกได้ปรับลดคาดการณ์การผลิตน้ำมันของสหรัฐสู่ระดับ 280,000 บาร์เรลต่อวันในปีหน้า โดยลดลง 60,000 บาร์เรลต่อวัน
การปรับลดคาดการณ์ดังกล่าว แตกต่างจากคาดการณ์ของโอเปกก่อนหน้านี้ที่ระบุว่าสหรัฐจะผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นในปีหน้า
โอเปกระบุว่าการลดค่าใช้จ่ายในการขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐ อันเนื่องจากราคาน้ำมันที่ตกต่ำลง ทำให้การผลิตน้ำมันของสหรัฐลดลงเร็วกว่าที่คาดไว้
รายงานดังกล่าวมีขึ้น หลังจากเบเกอร์ ฮิวจ์ส ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลด้านน้ำมัน เปิดเผยรายงานที่ระบุว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐลดลง 9 แท่น สู่ระดับ 605 แท่นในสัปดาห์ล่าสุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่สัปดาห์ที่สิ้นสุดเมื่อวันที่ 30 ก.ค.2553
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (12 ต.ค.) โดยได้ปัจจัยบวกจากแรงซื้อที่ส่งเข้าหนุนหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภค อย่างไรก็ตาม ตลาดเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ และวอลุ่มการซื้อขายมีเพียงบางเบา เนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่บริษัทรายใหญ่ในสหรัฐจะเปิดเผยผลประกอบการประจำไตรมาส 3 ในสัปดาห์นี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,131.86 จุด เพิ่มขึ้น 47.37 จุด หรือ +0.28% ดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 4,838.64 จุด เพิ่มขึ้น 8.17 จุด หรือ +0.17% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 2,017.46 จุด เพิ่มขึ้น 2.57 จุด หรือ +0.13%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนบวก แต่มูลค่าการซื้อขายมีอยู่เพียงบางเบา เนื่องจากตลาดพันธบัตรและสถาบันการเงินส่วนใหญ่ปิดทำการในวันจันทร์ เนื่องในวันโคลัมบัส นอกจากนี้ ยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญจากทางการสหรัฐในวันจันทร์
นอกจากนี้ นักลงทุนยังระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่บริษัทรายใหญ่ของสหรัฐจะเปิดเผยผลประกอบการประจำไตรมาส 3 รวมถึง โดยเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค จะเปิดเผยผลประกอบการในวันนี้ ขณะที่โกลด์แมน แซคส์, แบงก์ ออฟ อเมริกัน, ธนาคารเวลส์ ฟาร์โก และซิตี้กรุ๊ป จะเปิดเผยผลประกอบการภายในสัปดาห์นี้
หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก หลังจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) รายงานว่า การผลิตน้ำมันดิบของโอเปกปรับตัวสูงขึ้นในเดือนก.ย. โดยหุ้นทรานส์โอเชียน ร่วงลง 7.6% และหุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี ดิ่งลง 7.2%
อย่างไรก็ดี การปรับตัวลงของราคาน้ำมันได้ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มสายการบินดีดตัวขึ้น โดยหุ้นเจ็ทบลู แอร์ไลน์ส และหุ้นยูไนเต็ด คอนติเนนตัล โฮลดิงส์ ต่างก็ปรับตัวขึ้นกว่า 2.9% และหุ้นสกายเวสท์ ทะยานขึ้น 11%
นักลงทุนจับตาดูรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันพรุ่งนี้ รวมถึงดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ย., ยอดค้าปลีกเดือนก.ย. และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนส.ค.
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 8.6 ดอลลาร์ หรือ 0.74% ปิดที่ระดับ 1,164.50 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 6 ก.ค.ปีนี้
สัญญาทองคำได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ โดยนายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานเฟดสาขาชิคาโก กล่าวเมื่อวานนี้ว่า เฟดไม่ควรรีบเร่งในกระบวนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (12 ต.ค.) หลังจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) รายงานว่า การผลิตน้ำมันดิบของโอเปกปรับตัวสูงขึ้นในเดือนก.ย. ซึ่งข้อมูลดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานล้นตลาด
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. ที่ตลาดนิวยอร์ก ร่วงลง 2.53 ดอลลาร์ หรือ 5.1% ปิดที่ 47.1 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย. ที่ตลาดลอนดอน ดิ่งลง 2.79 ดอลลาร์ หรือ 5.3% ปิดที่ 49.86 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบร่วงลงหลังจากโอเปกเปิดเผยรายงานประจำเดือนเมื่อวานนี้ โดยระบุว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของโอเปกในช่วงเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 109,000 บาร์เรล สู่ระดับเฉลี่ย 31.57 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2555
อย่างไรก็ตาม โอเปกคาดว่า การผลิตน้ำมันของสหรัฐจะลดลงในปีหน้า เป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปี
ทั้งนี้ ในรายงานตลาดน้ำมันรายเดือน โอเปกได้ปรับลดคาดการณ์การผลิตน้ำมันของสหรัฐสู่ระดับ 280,000 บาร์เรลต่อวันในปีหน้า โดยลดลง 60,000 บาร์เรลต่อวัน
การปรับลดคาดการณ์ดังกล่าว แตกต่างจากคาดการณ์ของโอเปกก่อนหน้านี้ที่ระบุว่าสหรัฐจะผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นในปีหน้า
โอเปกระบุว่าการลดค่าใช้จ่ายในการขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐ อันเนื่องจากราคาน้ำมันที่ตกต่ำลง ทำให้การผลิตน้ำมันของสหรัฐลดลงเร็วกว่าที่คาดไว้
รายงานดังกล่าวมีขึ้น หลังจากเบเกอร์ ฮิวจ์ส ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลด้านน้ำมัน เปิดเผยรายงานที่ระบุว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐลดลง 9 แท่น สู่ระดับ 605 แท่นในสัปดาห์ล่าสุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่สัปดาห์ที่สิ้นสุดเมื่อวันที่ 30 ก.ค.2553
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (12 ต.ค.) โดยได้ปัจจัยบวกจากแรงซื้อที่ส่งเข้าหนุนหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภค อย่างไรก็ตาม ตลาดเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ และวอลุ่มการซื้อขายมีเพียงบางเบา เนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่บริษัทรายใหญ่ในสหรัฐจะเปิดเผยผลประกอบการประจำไตรมาส 3 ในสัปดาห์นี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,131.86 จุด เพิ่มขึ้น 47.37 จุด หรือ +0.28% ดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 4,838.64 จุด เพิ่มขึ้น 8.17 จุด หรือ +0.17% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 2,017.46 จุด เพิ่มขึ้น 2.57 จุด หรือ +0.13%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนบวก แต่มูลค่าการซื้อขายมีอยู่เพียงบางเบา เนื่องจากตลาดพันธบัตรและสถาบันการเงินส่วนใหญ่ปิดทำการในวันจันทร์ เนื่องในวันโคลัมบัส นอกจากนี้ ยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญจากทางการสหรัฐในวันจันทร์
นอกจากนี้ นักลงทุนยังระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่บริษัทรายใหญ่ของสหรัฐจะเปิดเผยผลประกอบการประจำไตรมาส 3 รวมถึง โดยเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค จะเปิดเผยผลประกอบการในวันนี้ ขณะที่โกลด์แมน แซคส์, แบงก์ ออฟ อเมริกัน, ธนาคารเวลส์ ฟาร์โก และซิตี้กรุ๊ป จะเปิดเผยผลประกอบการภายในสัปดาห์นี้
หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก หลังจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) รายงานว่า การผลิตน้ำมันดิบของโอเปกปรับตัวสูงขึ้นในเดือนก.ย. โดยหุ้นทรานส์โอเชียน ร่วงลง 7.6% และหุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี ดิ่งลง 7.2%
อย่างไรก็ดี การปรับตัวลงของราคาน้ำมันได้ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มสายการบินดีดตัวขึ้น โดยหุ้นเจ็ทบลู แอร์ไลน์ส และหุ้นยูไนเต็ด คอนติเนนตัล โฮลดิงส์ ต่างก็ปรับตัวขึ้นกว่า 2.9% และหุ้นสกายเวสท์ ทะยานขึ้น 11%
นักลงทุนจับตาดูรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันพรุ่งนี้ รวมถึงดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ย., ยอดค้าปลีกเดือนก.ย. และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนส.ค.