สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเล็กน้อยเมื่อคืนวันศุกร์ (9 ต.ค.) เนื่องจากมีข้อมูลที่ส่งสัญญาณว่าผลผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐกำลังปรับตัวลง
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนพ.ย. ปิดบวก 20 เซนต์ แตะที่ 49.63 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย.ที่ตลาดลอนดอน ปิดลดลง 40 เซนต์ ที่ 52.65 ดอลลาร์/บาร์เรล
ราคาน้ำมันได้รับแรงหนุน หลังจากเบเกอร์ ฮิวจ์ส ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลด้านน้ำมัน เปิดเผยรายงานที่ระบุว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐลดลง 9 แท่น สู่ระดับ 605 แท่นในสัปดาห์ล่าสุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่สัปดาห์ที่สิ้นสุดเมื่อวันที่ 30 ก.ค.2553 ข้อมูลดังกล่าวได้ช่วยหนุนตลาดน้ำมัน เนื่องจากเทรดเดอร์เชื่อว่าบริษัทน้ำมันสหรัฐยังคงปรับลดการผลิตต่อไป หลังจากราคาน้ำมันตกต่ำลง
นอกจากนี้ การอ่อนค่าของดอลลาร์ก็ช่วยหนุนสัญญาน้ำมันที่ซื้อขายกันในรูปสกุลเงินดอลลาร์ เนื่องจากจะทำให้น้ำมันมีราคาถูกลงสำหรับผู้ที่ถือครองสกุลเงินอื่นๆ
ส่วนสัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนวันศุกร์ (9 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเชื่อว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเลื่อนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไปเป็นปีหน้า
สัญญาทองคำตลาดโคเม็กซ์ - COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดเพิ่มขึ้น 11.60 ดอลลาร์ หรือ 1.01% ที่ 1,155.90 ดอลลาร์/ออนซ์
นักลงทุนหันมาสนใจซื้อทอง หลังจากรายงานการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เมื่อวันที่ 16-17 ก.ย. ที่มีการเปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่า เจ้าหน้าที่เฟดมีความวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่ยังค่อนข้างต่ำ และเศรษฐกิจสหรัฐอาจจะยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะรับมือกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า
เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายการเงินของเฟดคาดว่าสถานการณ์ในตลาดโลกในช่วงที่ผ่านมามีแนวโน้มจะกดดันเงินเฟ้อต่อไปในระยะใกล้นี้ และจะก่อให้เกิดความเสี่ยงช่วงขาลงต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ
นักวิเคราะห์ระบุว่า มีนักลงทุนจำนวนมากขึ้นที่เชื่อว่าเฟดจะไม่มีการปรับขึ้นดอกเบี้ยจนกว่าจะถึงต้นปี 2559 ซึ่งได้ช่วยให้นักลงทุนหันมาสนใจซื้อทองอีกครั้ง
นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐที่ปรับตัวลงเมื่อเทียบสกุลเงินหลักส่วนใหญ่หลังเฟดเปิดเผยรายงานการประชุมล่าสุดนั้น ก็เป็นปัจจัยที่สนับสนุนให้สัญญาทองดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนวันศุกร์ (9 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงขานรับรายงานการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งช่วยคลายความกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 33.74 จุด หรือ 0.20% ปิดที่ 17,084.49 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 บวก 1.46 จุด หรือ 0.07% ปิดที่ 2,014.89 จุด และดัชนีแนสแด็ก ปรับขึ้น 19.68 จุด หรือ 0.41% ปิดที่ 4,830.47 จุด
ตลาดปรับตัวแข็งแกร่งต่อเนื่อง ขณะที่นักลงทุนจำนวนมากมองว่าเฟดอาจจะยังไม่รีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ หลังจากรายงานการประชุมนโยบายการเงินของเฟดประจำวันที่ 16-17 ก.ย. ระบุว่า เจ้าหน้าที่เฟดมีความวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่ยังคงค่อนข้างต่ำ และเศรษฐกิจสหรัฐอาจจะยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะรับมือกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า ซึ่งบ่งชี้ว่าเฟดอาจชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไปเป็นปีหน้า
นอกจากนี้ นายวิลเลียม ดัดลีย์ ประธานเฟด สาขานิวยอร์ก ยังออกมาแสดงความเห็นว่า สถานการณ์ในต่างประเทศและภาวการณ์ทางการเงินเมื่อเร็วๆนี้ ทำให้เกิดความไม่แน่ใจเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของแนวโน้มเศรษฐกิจโลก
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐนั้น กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยในวันนี้ว่า ดัชนีราคานำเข้าร่วงลง 0.1% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายเดือน โดยเป็นการปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน ทั้งนี้ดัชนีราคานำเข้าปรับตัวลงจากผลกระทบของดอลลาร์ที่แข็งค่า และการชะลอตัวของเศรษฐกิจในต่างประเทศ
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนพ.ย. ปิดบวก 20 เซนต์ แตะที่ 49.63 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย.ที่ตลาดลอนดอน ปิดลดลง 40 เซนต์ ที่ 52.65 ดอลลาร์/บาร์เรล
ราคาน้ำมันได้รับแรงหนุน หลังจากเบเกอร์ ฮิวจ์ส ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลด้านน้ำมัน เปิดเผยรายงานที่ระบุว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐลดลง 9 แท่น สู่ระดับ 605 แท่นในสัปดาห์ล่าสุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่สัปดาห์ที่สิ้นสุดเมื่อวันที่ 30 ก.ค.2553 ข้อมูลดังกล่าวได้ช่วยหนุนตลาดน้ำมัน เนื่องจากเทรดเดอร์เชื่อว่าบริษัทน้ำมันสหรัฐยังคงปรับลดการผลิตต่อไป หลังจากราคาน้ำมันตกต่ำลง
นอกจากนี้ การอ่อนค่าของดอลลาร์ก็ช่วยหนุนสัญญาน้ำมันที่ซื้อขายกันในรูปสกุลเงินดอลลาร์ เนื่องจากจะทำให้น้ำมันมีราคาถูกลงสำหรับผู้ที่ถือครองสกุลเงินอื่นๆ
ส่วนสัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนวันศุกร์ (9 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเชื่อว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเลื่อนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไปเป็นปีหน้า
สัญญาทองคำตลาดโคเม็กซ์ - COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดเพิ่มขึ้น 11.60 ดอลลาร์ หรือ 1.01% ที่ 1,155.90 ดอลลาร์/ออนซ์
นักลงทุนหันมาสนใจซื้อทอง หลังจากรายงานการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เมื่อวันที่ 16-17 ก.ย. ที่มีการเปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่า เจ้าหน้าที่เฟดมีความวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่ยังค่อนข้างต่ำ และเศรษฐกิจสหรัฐอาจจะยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะรับมือกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า
เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายการเงินของเฟดคาดว่าสถานการณ์ในตลาดโลกในช่วงที่ผ่านมามีแนวโน้มจะกดดันเงินเฟ้อต่อไปในระยะใกล้นี้ และจะก่อให้เกิดความเสี่ยงช่วงขาลงต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ
นักวิเคราะห์ระบุว่า มีนักลงทุนจำนวนมากขึ้นที่เชื่อว่าเฟดจะไม่มีการปรับขึ้นดอกเบี้ยจนกว่าจะถึงต้นปี 2559 ซึ่งได้ช่วยให้นักลงทุนหันมาสนใจซื้อทองอีกครั้ง
นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐที่ปรับตัวลงเมื่อเทียบสกุลเงินหลักส่วนใหญ่หลังเฟดเปิดเผยรายงานการประชุมล่าสุดนั้น ก็เป็นปัจจัยที่สนับสนุนให้สัญญาทองดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนวันศุกร์ (9 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงขานรับรายงานการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งช่วยคลายความกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 33.74 จุด หรือ 0.20% ปิดที่ 17,084.49 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 บวก 1.46 จุด หรือ 0.07% ปิดที่ 2,014.89 จุด และดัชนีแนสแด็ก ปรับขึ้น 19.68 จุด หรือ 0.41% ปิดที่ 4,830.47 จุด
ตลาดปรับตัวแข็งแกร่งต่อเนื่อง ขณะที่นักลงทุนจำนวนมากมองว่าเฟดอาจจะยังไม่รีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ หลังจากรายงานการประชุมนโยบายการเงินของเฟดประจำวันที่ 16-17 ก.ย. ระบุว่า เจ้าหน้าที่เฟดมีความวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่ยังคงค่อนข้างต่ำ และเศรษฐกิจสหรัฐอาจจะยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะรับมือกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า ซึ่งบ่งชี้ว่าเฟดอาจชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไปเป็นปีหน้า
นอกจากนี้ นายวิลเลียม ดัดลีย์ ประธานเฟด สาขานิวยอร์ก ยังออกมาแสดงความเห็นว่า สถานการณ์ในต่างประเทศและภาวการณ์ทางการเงินเมื่อเร็วๆนี้ ทำให้เกิดความไม่แน่ใจเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของแนวโน้มเศรษฐกิจโลก
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐนั้น กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยในวันนี้ว่า ดัชนีราคานำเข้าร่วงลง 0.1% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายเดือน โดยเป็นการปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน ทั้งนี้ดัชนีราคานำเข้าปรับตัวลงจากผลกระทบของดอลลาร์ที่แข็งค่า และการชะลอตัวของเศรษฐกิจในต่างประเทศ