xs
xsm
sm
md
lg

กทม.เริ่มเก็บภาษีน้ำมัน 15 ต.ค.นี้ ผู้ประกอบการโบ้ยคนใช้รถรับภาระ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายจุมพล สำเภาพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึงการจัดเก็บภาษีน้ำมัน ซึ่งจะเริ่มดำเนินการจัดเก็บในวันที่ 15 ต.ค.นี้ โดย กทม.ได้ออกข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครเรื่องการเก็บภาษีบำรุงกรุงเทพมหานครสำหรับน้ำมันเบนซินและน้ำมันที่คล้ายกัน น้ำมันดีเซลและน้ำมันที่คล้ายกัน และก๊าซปิโตรเลียมจากสถานการค้าปลีก พ.ศ.2558ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม 2558 เป็นต้นไป ส่งผลให้ผู้ประกอบการสถานีน้ำมันและก๊าซในพื้นที่กรุงเทพฯซึ่งมีบริษัทน้ำมันและก๊าซรายใหญ่ 15 รายและสถานประกอบการประมาณ 773 แห่งต้องยื่นแบบแสดงรายการ (แบบ ภน.03) สำหรับปริมาณการจำหน่ายน้ำมันและก๊าซที่จำหน่ายทุกเดือนที่สำนักงานเขต หรือกองรายได้ สำนักการคลัง โดยเริ่มระหว่างวันที่ 15-31 ตุลาคม ให้ชำระค่าภาษีภายในวันที่ 15 พฤศจิกายนซึ่งกทม.จะจัดเก็บจากปริมาณการจำหน่ายในอัตราลิตรละ 5 สตางค์ ทั้งนี้การจำหน่ายน้ำมันในกรุงเทพฯมีประมาณ 10,000 ล้านลิตรต่อปีการจัดเก็บภาษีจะทำให้กทม.มีรายได้เพิ่มขึ้น 500 ล้านบาทต่อปีเพื่อนำไปพัฒนาเมืองในด้านต่างๆ โดยเฉพาะในการพัฒนาโครงสร้างพื้นที่ของกรุงเทพฯ

ทั้งนี้กทม.จะดำเนินการจัดเก็บภาษีในอัตราลิตรละ 5 สตางค์เพื่อไม่ให้กระทบต่อผู้ประกอบการและประชาชน ซึ่งภาษีน้ำมัน เป็นภาษีที่ท้องถิ่นอื่นได้จัดเก็บมาเป็นระยะเวลานานแล้วส่วนใหญ่จะจัดเก็บที่อัตราลิตรละ 10 สตางค์ ตามพ.รบ.กระจายอำนาจ พ.ศ.2542 ที่ให้จัดเก็บได้ไม่เกินลิตรละ 10 สตางค์ และสถานประกอบการในต่างจังหวัดส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ผลักภาระให้ผู้บริโภค แต่การผลักภาระให้ผู้บริโภค ทางผู้ประกอบการก็สามารถทำได้ ไม่ผิดกฎหมายตามนโยบายการค้าเสรี ซึ่งผู้บริโภคเองก็มีสิทธิเลือกที่จะใช้บริการสถานประกอบการแห่งใดโดยหากผู้ประกอบการรายใดไม่ยื่นแบบแสดงรายการพร้อมชำระภาษีภายในกำหนดหรือชำระไม่ครบตามปริมาณการจำหน่ายในแต่ละเดือน ต้องเสียเงินเพิ่มร้อยละ 1.5 ต่อเดือนของเงินภาษีที่ต้องชำระ และหากค้างชำระภาษีกทม.มีอำนาจสั่งยึดและสั่งขายทอดตลาด โดยมิต้องรอให้ศาลออกหมายยึดหรือสั่งสำหรับผู้เสียภาษีที่ไม่ยื่นแบบแสดงรายการปริมาณการจำหน่ายตามกำหนดต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ด้านนายสงวน ศรีคนาพงษ์ ผู้ประกอบการสถานีน้ำมันย่านตากสิน ซึ่งเปิดให้บริการมากว่า 50 ปี เปิดเผยว่า ตนไม่มีปัญหาในการจัดเก็บภาษีแต่ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดการจัดเก็บที่ระบุว่า ผู้ที่สร้างมลพิษให้เมืองควรรับผิดชอบเมืองด้วยการเสียภาษีให้แก่เมือง ซึ่งตนเป็นแค่คนขาย คนที่สร้างมลพิษให้แก่เมืองมากกว่าคือผู้ใช้รถ ดังนั้นการจ่ายภาษีควรเป็นหน้าที่ของผู้ใช้รถ โดยตนจะปิดป้ายประกาศให้ลูกค้าทราบว่าทางปั๊มได้เพิ่มภาษีนี้ในราคาน้ำมันด้วยและคิดว่าคงไม่กระทบยอดขายน้ำมันจนทำให้ลูกค้าลดลง เพราะที่จัดเก็บเพิ่มลิตรละ 5 สตางค์ ก็ไม่ได้เอาเป็นกำไรหรือประโยชน์ส่วนตัวแต่เป็นการจัดเก็บภาษีเพื่อส่งให้รัฐนำไปพัฒนาประเทศ
กำลังโหลดความคิดเห็น