xs
xsm
sm
md
lg

ทองดีดตัว น้ำมันทะยาน หุ้นมะกันผันผวน หลังIMFคาดศก.โลกทรุด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (6 ต.ค.) ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 3 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนยังคงมีมุมมองที่ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนก.ย.ที่ออกมาน่าผิดหวังนั้น อาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังไม่ตัดสินใจปรับขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้

สัญญาทองคำตลาดโคเม็กซ์-COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.พุ่งขึ้น 8.8 ดอลลาร์ หรือ 0.77% ปิดที่ระดับ 1,146.40 ดอลลาร์/ออนซ์

นักวิเคราะห์กล่าวว่า ปัจจัยที่ทำให้สัญญาทองคำปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 3 วันทำการนั้น มาจากการคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ หลังจากสหรัฐระบุว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 142,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นราว 200,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 5.1% สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์

นอกจากนี้ ข้อมูลการค้าระหว่างประเทศที่อ่อนแอของสหรัฐ ยิ่งสนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะเลื่อนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไป

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (6 ต.ค.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐ (EIA) ระบุว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐปรับตัวลดลงในเดือนก.ย. พร้อมกับคาดการณ์ว่า การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐจะปรับตัวลดลงไปจนถึงช่วงกลางปี 2559 ซึ่งรายงานดังกล่าวทำให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานล้นตลาด

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ส่งมอบเดือนพ.ย.พุ่งขึ้น 2.27 ดอลลาร์ หรือ 4.9% ปิดที่ 48.53 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ส่งมอบเดือนพ.ย.พุ่งขึ้น 2.67 ดอลลาร์ หรือ 5.4% ปิดที่ 51.92 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบได้รับแรงหนุนหลังจาก EIA ออกรายงานแนวโน้มด้านพลังงานในระยะสั้น (Short-Term Energy Outlook ) โดยระบุว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 120,000 บาร์เรลต่อวันในเดือนก.ย. จากระดับของเดือนส.ค.

ขณะเดียวกัน EIA คาดการณ์ว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐจะปรับตัวลดลงไปจนถึงช่วงกลางปี 2559

นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ อันเป็นผลมาจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนก.ย.ของสหรัฐ เพิ่มขึ้น 142,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นราว 200,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 5.1% สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์

ด้านดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเพียงเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (6 ต.ค.) โดยภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวน หลังจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้ และข้อมูลที่บ่งชี้ว่ายอดขาดดุลการค้าของสหรัฐพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 5 เดือน ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 และแนสแด็ก ปิดตลาดในแดนลบ เนื่องจากนักลงทุนทุบขายหุ้นกลุ่มธุรกิจเพื่อสุขภาพ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,790.19 จุด เพิ่มขึ้น 13.76 จุด หรือ +0.08% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 1,979.92 จุด ลดลง 7.13 จุด หรือ -0.36% ดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 4,748.36 จุด ลดลง 32.90 จุด หรือ -0.69%

ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างผันผวน เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลก หลังจาก IMF เปิดเผยรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลก (WEO) เมื่อวานนี้ โดยได้ประกาศปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้สู่ระดับ 3.1% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงินในปี 2009 โดยลดลง 0.2% เมื่อเทียบกับตัวเลขคาดการณ์ในเดือนก.ค.ที่ระดับ 3.3% และต่ำกว่าการขยายตัวในปีที่แล้วที่ 3.4%

ทั้งนี้ IMF ระบุว่าการร่วงลงของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ และความผันผวนในตลาดการเงิน ได้เพิ่มความเสี่ยงต่อตลาดโลก ขณะที่ความเสี่ยงในช่วงขาลงได้ปรากฎเด่นชัดขึ้นมากกว่าในช่วงไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้

นอกจากนี้ IMF ยังได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีหน้าสู่ระดับ 3.6% โดยลดลง 0.2% เมื่อเทียบกับตัวเลขคาดการณ์ในเดือนก.ค.ที่ระดับ 3.8%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันมากขึ้น หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานวันนี้ว่า ตัวเลขการขาดดุลการค้าของสหรัฐพุ่งขึ้น 15.6% ในเดือนส.ค. สู่ระดับ 4.833 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. โดยได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของดอลลาร์, ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ดิ่งลง และการขยายตัวที่ซบเซาในต่างประเทศ

นักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มธุรกิจเพื่อสุขภาพ ซึ่งได้ฉุดดัชนีเอสแอนด์พี 500 และแนสแด็ก ปิดตลาดร่วงลงด้วย โดยหุ้นกลุ่มดังกล่าวร่วงลงนับตั้งแต่นางฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐสังกัดพรรคเดโมแครทที่ระบุว่า บริษัทเวชภัณฑ์มีการกำหนดราคาที่สูงเกินไป พร้อมกับให้คำมั่นว่า จะปรับลดต้นทุนราคายา หากเธอได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง

การลดลงของราคาหุ้นบริษัทโซเชียลมีเดียเป็นตัวฉุดแนสแด็กปิดลดลง โดยราคาหุ้นของเฟซบุ๊ก, ทวิตเตอร์ และอเมซอน ลดลง 1.3%, 1.9% และ 1.1% ตามลำดับ หลังจากศาลยุติธรรมยุโรปตัดสินให้ข้อตกลง 'เซฟ ฮาร์เบอร์' (Safe Harbor) ซึ่งอนุญาตให้บริษัทอินเทอร์เน็ตในสหรัฐฯเคลื่อนย้ายข้อมูลของลูกค้าและผู้บริโภค ข้ามแอตแลนติกเพื่อการใช้งานภายในธนาคารข้อมูลของสหรัฐฯ ซึ่งใช้มา 15 ปี เป็นโมฆะ

ขณะนักวิเคราะห์ระบุว่า การลดลงของดัชนีหุ้นสหรัฐฯในส่วนอังคาร ส่วนหนึ่งมีผลมาจากการที่หุ้นของบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพ 'อิลลูมินา' ลดลงถึง 10.6% หลังพวกเขาลดการคาดการณ์รายได้ประจำไตรมาสที่ 4 ซึ่งถือเป็นสัญญาณไม่ดีต่อทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับการบริการทางสุขภาพ

ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้น โดยหุ้นเชฟรอน พุ่งขึ้น 3.5% และหุ้นทรานส์โอเชียน ปรับขึ้น 7.2% โดยหุ้นกลุ่มพลังงานได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบที่ลดลงจะช่วยให้ภาวะอุปทานน้ำมันล้นตลาดนั้น คลี่คลายลงด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น