สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (29 ก.ย.) ทำสถิติปรับตัวลงติดต่อกัน 3 วันทำการ เนื่องจากข้อมูลที่บ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งของดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐนั้น ส่งผลให้นักลงทุนลดความต้องการทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
สัญญาทองคำตลาดโคเม็กซ์ - COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 4.9 ดอลลาร์ หรือ 0.43% ปิดที่ระดับ 1,126.8 ดอลลาร์/ออนซ์
นักลงทุนเทขายสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากผลสำรวจของ Conference Board ระบุว่า ความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐดีดตัวขึ้นในเดือนก.ย. ซึ่งบ่งชี้ว่าชาวสหรัฐไม่มีความวิตกต่อภาวะปั่นป่วนในตลาดโลก
ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 103.0 ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. หลังแตะระดับ 101.3 ในเดือนส.ค. ส่วนดัชนีประเมินภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 8 ปีในเดือนก.ย.
ขณะที่ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (29 ก.ย.) ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับตัวขึ้นสูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ อย่างไรก็ตาม ดาวโจนส์ลดแรงบวกในระหว่างวัน เพราะตลาดได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจทั่วโลก หลังจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ออกรายงานเตือนว่า เศรษฐกิจของประเทศที่ต้องพึ่งพาการส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์อาจชะลอตัวลง อันเนื่องมาจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวลง
ขณะที่ราคาหุ้นของบริษัทไอทียักษ์ใหญ่หลายแห่งรวมทั้ง แอปเปิล, อะเมซอน, เฟซบุ๊ก และเน็ตฟลิกซ์ ลดลง จึงฉุดให้แนสแด็กปิดในแดนลบ หลังจากดัชนีผันผวนตลอดวัน โดยแนสแด็กลดลงต่อเนื่องเป็นวันที่ 6 ติดต่อกัน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,049.13 จุด เพิ่มขึ้น 47.24 จุด หรือ +0.30% ส่วนดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 2.32 จุด หรือ 0.12% ปิดที่ 1,884.09 จุด ขณะที่ดัชนีแนสแด็กลดลง 26.65 จุด หรือ 0.59% ปิดที่ 4,517.32 จุด
อย่างไรก็ตาม แรงบวกในตลาดถูกสกัดลง ซึ่งส่งผลให้ดาวโจนส์ลดแรงบวกในระหว่างวัน เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งรายงานล่าสุดของ IMF ที่ระบุว่า เศรษฐกิจของประเทศที่ต้องพึ่งพาการส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์อาจชะลอตัวลงในช่วงปี 2558-2560 อันเนื่องมาจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวลง
รายงานของ IMF ยังระบุด้วยว่า ประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและพลังงานอื่นๆจะได้รับผลกระทบมากถึง 2 เท่า ขณะที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์จะยังคงเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับต่ำ เมื่อพิจารณาจากอุปทานจำนวนมากและแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอ
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (29 ก.ย.) เพราะได้แรงหนุนจากรายงานของ Conference Board ที่ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ย.ของสหรัฐพุ่งขึ้นเกินคาด
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ส่งมอบเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 80 เซนต์ หรือ 1.8% ปิดที่ 45.23 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 89 เซนต์ หรือ 1.9% ปิดที่ 48.23 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบได้รับแรงหนุนหลังจากผลสำรวจของ Conference Board ระบุว่า ความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐดีดตัวขึ้นในเดือนก.ย. ซึ่งบ่งชี้ว่าชาวสหรัฐไม่มีความวิตกต่อภาวะปั่นป่วนในตลาดโลก
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยในวันนี้ หลังจากที่ EIA เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 18 ก.ย. ลดลง 1.9 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 454 ล้านบาร์เรล ซึ่งปรับลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกัน
สัญญาทองคำตลาดโคเม็กซ์ - COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 4.9 ดอลลาร์ หรือ 0.43% ปิดที่ระดับ 1,126.8 ดอลลาร์/ออนซ์
นักลงทุนเทขายสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากผลสำรวจของ Conference Board ระบุว่า ความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐดีดตัวขึ้นในเดือนก.ย. ซึ่งบ่งชี้ว่าชาวสหรัฐไม่มีความวิตกต่อภาวะปั่นป่วนในตลาดโลก
ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 103.0 ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. หลังแตะระดับ 101.3 ในเดือนส.ค. ส่วนดัชนีประเมินภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 8 ปีในเดือนก.ย.
ขณะที่ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (29 ก.ย.) ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับตัวขึ้นสูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ อย่างไรก็ตาม ดาวโจนส์ลดแรงบวกในระหว่างวัน เพราะตลาดได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจทั่วโลก หลังจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ออกรายงานเตือนว่า เศรษฐกิจของประเทศที่ต้องพึ่งพาการส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์อาจชะลอตัวลง อันเนื่องมาจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวลง
ขณะที่ราคาหุ้นของบริษัทไอทียักษ์ใหญ่หลายแห่งรวมทั้ง แอปเปิล, อะเมซอน, เฟซบุ๊ก และเน็ตฟลิกซ์ ลดลง จึงฉุดให้แนสแด็กปิดในแดนลบ หลังจากดัชนีผันผวนตลอดวัน โดยแนสแด็กลดลงต่อเนื่องเป็นวันที่ 6 ติดต่อกัน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,049.13 จุด เพิ่มขึ้น 47.24 จุด หรือ +0.30% ส่วนดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 2.32 จุด หรือ 0.12% ปิดที่ 1,884.09 จุด ขณะที่ดัชนีแนสแด็กลดลง 26.65 จุด หรือ 0.59% ปิดที่ 4,517.32 จุด
อย่างไรก็ตาม แรงบวกในตลาดถูกสกัดลง ซึ่งส่งผลให้ดาวโจนส์ลดแรงบวกในระหว่างวัน เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งรายงานล่าสุดของ IMF ที่ระบุว่า เศรษฐกิจของประเทศที่ต้องพึ่งพาการส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์อาจชะลอตัวลงในช่วงปี 2558-2560 อันเนื่องมาจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวลง
รายงานของ IMF ยังระบุด้วยว่า ประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและพลังงานอื่นๆจะได้รับผลกระทบมากถึง 2 เท่า ขณะที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์จะยังคงเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับต่ำ เมื่อพิจารณาจากอุปทานจำนวนมากและแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอ
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (29 ก.ย.) เพราะได้แรงหนุนจากรายงานของ Conference Board ที่ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ย.ของสหรัฐพุ่งขึ้นเกินคาด
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ส่งมอบเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 80 เซนต์ หรือ 1.8% ปิดที่ 45.23 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 89 เซนต์ หรือ 1.9% ปิดที่ 48.23 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบได้รับแรงหนุนหลังจากผลสำรวจของ Conference Board ระบุว่า ความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐดีดตัวขึ้นในเดือนก.ย. ซึ่งบ่งชี้ว่าชาวสหรัฐไม่มีความวิตกต่อภาวะปั่นป่วนในตลาดโลก
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยในวันนี้ หลังจากที่ EIA เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 18 ก.ย. ลดลง 1.9 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 454 ล้านบาร์เรล ซึ่งปรับลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกัน