นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมด้วยนายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย เดินทางไปยังศาลทหาร กรุงเทพฯ เพื่อรับฟังคำวินิจฉัยที่ร้องขอให้ศาลพิจารณาขอบเขตอำนาจศาลทหาร กรณีการพิจารณาคดีความผิดฐานขัดคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 37 และ 38 ที่ไม่เข้ารายงานตัวต่อ คสช. และกรณีที่ถูกตั้งข้อกล่าวหากระทำฐานสร้างความปั่นป่วน วุ่นวายในหมู่ประชาชน มาตรา 116 รวมทั้งกรณีความผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 (3) ฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ที่เป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ว่าการพิจารณาคดีดังกล่าว เป็นอำนาจหน้าที่ศาลอาญา หรือศาลทหาร
ทั้งนี้ ศาลทหารได้อ่านคำวินิจฉัยของศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่มีความเห็นหลังศาลทหารส่งเรื่องไป ว่า ศาลอาญาเห็นว่า คำสั่งของ คสช.ที่ออกมาเป็นโทษต่อจำเลย โดยหลักกฎหมายของศาลอาญา จะไม่ให้มีผลย้อนหลัง ซึ่งความเห็นดังกล่าวไม่ตรงกับศาลทหาร กรุงเทพฯ ที่เห็นว่าการพิจารณาเป็นอำนาจของศาลทหาร ศาลทหารจึงส่งเรื่องไปให้คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจของหน้าที่ระหว่างศาล เพื่อพิจารณาและมีคำวินิจฉัยต่อไป โดยจะถือว่าคำวินิจฉัยที่ออกมาเป็นที่สุดแล้ว แต่เชื่อว่าการพิจารณาของคณะกรรมการน่าจะใช้เวลาหลายเดือน
ทั้งนี้ นายจาตุรนต์ ได้กล่าวขอบคุณศาลทหารที่รับคำร้องไว้พิจารณา และทำความเห็นส่งไปยังศาลอาญา จนกระทั่งศาลอาญามีความเห็นว่า การพิจารณาคดีดังกล่าวอยู่ในขอบเขตของศาลอาญา ซึ่งไม่ว่าคณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจของหน้าที่ระหว่างศาลจะวินิจฉัยอย่างไรก็น้อมรับ และว่า ขณะนี้คดีที่มีการตั้งข้อกล่าวหาดังกล่าว ยังพักการพิจารณาไว้ จนกว่าจะมีคำวินิจฉัยเรื่องขอบเขตอำนาจของศาล
นอกจากนี้ นายจาตุรนต์ ยังกล่าวถึงการเคลื่อนไหวทางการเมือง ว่า ขณะนี้ทำได้เพียงการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองที่เป็นไปตามหลักเสรีภาพในการแสดงความเห็นของประชาชน ยืนยันว่า เป็นความเห็นที่มีประโยชน์ต่อประเทศชาติ ที่ผ่านมาได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขของการประกันตัวอย่างเคร่งครัด ด้วยการไม่กระทำผิดกฎหมาย ไม่เคยปลุกปั่นหรือยุยง และได้ไปแสดงความเห็นต่อคณะกรรมการเกี่ยวกับการปรองดอง ซึ่งก็ได้ประโยชน์ แต่สุดท้ายข้อมูลที่ให้นั้น กลับเงียบหาย
ทั้งนี้ ศาลทหารได้อ่านคำวินิจฉัยของศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่มีความเห็นหลังศาลทหารส่งเรื่องไป ว่า ศาลอาญาเห็นว่า คำสั่งของ คสช.ที่ออกมาเป็นโทษต่อจำเลย โดยหลักกฎหมายของศาลอาญา จะไม่ให้มีผลย้อนหลัง ซึ่งความเห็นดังกล่าวไม่ตรงกับศาลทหาร กรุงเทพฯ ที่เห็นว่าการพิจารณาเป็นอำนาจของศาลทหาร ศาลทหารจึงส่งเรื่องไปให้คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจของหน้าที่ระหว่างศาล เพื่อพิจารณาและมีคำวินิจฉัยต่อไป โดยจะถือว่าคำวินิจฉัยที่ออกมาเป็นที่สุดแล้ว แต่เชื่อว่าการพิจารณาของคณะกรรมการน่าจะใช้เวลาหลายเดือน
ทั้งนี้ นายจาตุรนต์ ได้กล่าวขอบคุณศาลทหารที่รับคำร้องไว้พิจารณา และทำความเห็นส่งไปยังศาลอาญา จนกระทั่งศาลอาญามีความเห็นว่า การพิจารณาคดีดังกล่าวอยู่ในขอบเขตของศาลอาญา ซึ่งไม่ว่าคณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจของหน้าที่ระหว่างศาลจะวินิจฉัยอย่างไรก็น้อมรับ และว่า ขณะนี้คดีที่มีการตั้งข้อกล่าวหาดังกล่าว ยังพักการพิจารณาไว้ จนกว่าจะมีคำวินิจฉัยเรื่องขอบเขตอำนาจของศาล
นอกจากนี้ นายจาตุรนต์ ยังกล่าวถึงการเคลื่อนไหวทางการเมือง ว่า ขณะนี้ทำได้เพียงการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองที่เป็นไปตามหลักเสรีภาพในการแสดงความเห็นของประชาชน ยืนยันว่า เป็นความเห็นที่มีประโยชน์ต่อประเทศชาติ ที่ผ่านมาได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขของการประกันตัวอย่างเคร่งครัด ด้วยการไม่กระทำผิดกฎหมาย ไม่เคยปลุกปั่นหรือยุยง และได้ไปแสดงความเห็นต่อคณะกรรมการเกี่ยวกับการปรองดอง ซึ่งก็ได้ประโยชน์ แต่สุดท้ายข้อมูลที่ให้นั้น กลับเงียบหาย