“จาตุรนต์” พล่าน! หลังพบอธิบดีกงสุล ขีดเส้น 15 วัน “บัวแก้ว” ต้องทบทวนยกเลิกพาสปอร์ต เล็งฟ้ององค์กรอื่นขอความเป็นธรรม อ้างจำกัดสิทธิ ในความเป็นพลเมือง โวย! ถูกลงโทษด้วยเรื่องอะไร เหตุคดียังอยู่ในระหว่างการพิจารณาเขตอำนาจศาล ยังไม่มีการเริ่มไต่สวน จะมาลงโทษห้ามเดินทางไปต่างประเทศไม่ได้
ช่วงบ่ายวันนี้ (3 ก.ย.) นายจาตุรนต์ ฉายแสง แกนนำพรรคไทยรักไทย ได้นำหนังสือเดินทางปกสีน้ำตาล (พาสปอร์ต) ที่ถูกยกเลิกมาแสดงต่อสื่อมวลชน พร้อมระบุว่า เป็นเล่มที่หมดอายุ และตนนำมาทำออกเล่มใหม่ โดยกรมการกงสุลออกเล่มใหม่ให้เมื่อวันที่ 19 ส.ค. ที่ผ่านมา
จากนั้นได้เดินทางเข้าพบ นายธงชัย ชาสวัสดิ์ อธิบดีกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อสอบถามเหตุผลของการออกคำสั่งเพิกถอนหนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต) ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติทำหนังสือร้องขอ
นายจาตุรนต์ กล่าวก่อนเข้าพบว่า จะสอบถามสาเหตุการยกเลิกหนังสือเดินทางของตน และหน่วยงานใด ใช้อำนาจอะไรทำเรื่องมาให้ยกเลิก เพราะได้เห็นคำชี้แจงของกรมสารนิเทศผ่านทางเว็บไซต์ที่เป็นเพียงข้อความสั้น ๆ และยังมีคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงอย่างมาก
ดังนั้น อยากถามว่า กระทรวงการต่างประเทศ ได้ตรวจสอบหลักฐานข้อเท็จจริงดีแล้วหรือไม่ ทั้งนี้ ตนได้ทำหนังสือถามปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ถึงเหตุผลการยกเลิกพาสปอร์ต เพื่อให้ตอบเป็นลายอักษรออกมาและจะหาทางดำเนินการต่อไป
ส่วนกรณีที่นายกรัฐมนตรี ยืนยันมาว่า มีการเตือนแล้ว แต่ยังทำผิดซ้ำซากนั้น ตนเห็นว่า ต้องถามว่านายกฯดูจากอะไรมาเป็นการพิจารณาว่าตนทำผิด และการยกเลิกหนังสือเดินทางนำมาใช้ลงโทษไม่ได้ อีกทั้งเป็นเรื่องใหม่มาก เพราะเป็นสิทธิพลเมืองเกี่ยวกับการเดินทางเข้าออกประเทศ ถือเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่ทุกคนมีโอกาสใช้สิทธิเดินทางระหว่างประเทศได้ตลอด
“ดังนั้น การยกเลิกหนังสือเดินทาง ทำให้คนขาดสิทธิในความพลเมือง ต้องเป็นเรื่องใหญ่มาก และจะกระทำได้ต่อเมื่อเป็นไปตามกฎหมาย ผมถูกลงโทษด้วยเรื่องอะไร เพราะคดีที่มีอยู่ในระหว่างการพิจารณาเขตอำนาจศาล ยังไม่มีการเริ่มไต่สวนจะสรุปว่าผิดก็ไม่ได้ จากนั้นผมไม่มีการกระทำอะไรผิดกฎหมาย จะมาลงโทษห้ามเดินทางทำไม่ได้”
นายจาตุรนต์ กล่าวต่อว่า ได้ขอเข้าพบหารืออธิบดี เพราะการยกเลิกหนังสือเดินทางทำให้ตนไม่สามารถเดินทางไปต่างประเทศ กลายเป็นพลเมืองชั้นสอง ไม่มีสิทธิแม้ขั้นพื้นฐาน ต้องถามว่าต่อไปจะความเห็นได้หรือไม่
ภายหลังหารือกว่าสิบนาที นายจาตุรนต์ กล่าวว่า อธิบดีกรมการกงสุล ได้ชี้แจงถึงสาเหตุการยกเลิกพาสปอร์ตว่าเป็นเพราะได้รับการร้องขอจากหน่วยงานทางปกครองขอมา อาทิ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ซึ่งเข้าใจว่าการทำงานของกรมการกงสุล เคยปฏิบัติมาอย่างไร ก็ทำไปตามนั้น โดยไม่มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพราะตนไม่ได้อยู่ระหว่างออกหมายจับหรือหลบหนี และการเดินทางออกนอกประเทศอยู่ในอำนาจของศาลทหาร
“ผมได้ยื่นให้กระทรวงการต่างประเทศทบทวนการยกเลิกพาสปอร์ต ภายใน 15 วัน ถ้าไม่ทบทวน ผมจะดำเนินการร้องขอให้องค์กรอื่นพิจารณาให้สิทธิกลับคืนมา ซึ่งผมเชื่อว่าบ้านเมืองนี้ยังมีองค์กรที่มีความเป็นธรรมอยู่” แกนนำเพื่อไทย กล่าว