อย. ยันสั่ง “ร้านขายยา” ขอชื่อคนซื้อ “ยาแก้ไอ ลดน้ำมูก” สกัดทำยาสเพติดไม่ลิดรอนสิทธิประชาชน ชี้ร้านขายยาเป็นหน่วยบริการสาธารณสุขขั้นพื้นฐาน การให้ชื่อก็เหมือนให้ชื่หน่วยบริการทางการแพทย์ ขอเวลาทดลองมาตรการ 3 - 6 เดือน ก่อนประเมินและทบทวน แก้ปัญหาได้จริงหรือไม่
จากกรณีกลุ่มเภสัชเพื่อมวลชนยื่นหนังสือต่อสภาเภสัชกรรม เพื่อขอให้เป็นตัวแทนเจรจากับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ให้เพิกถอน ประกาศรายการยาอันตรายที่ต้องทำบัญชีขายยา (ข.ย.11) ซึ่งกำหนดให้ต้องจัดทำบัญชีการขายยาในกลุ่มเดกซ์โตรเมเธอร์แฟน และ แอนติฮีสตามีน ที่เป็นยาพื้นฐานตัวแรกในการรักษาอาการไอ แพ้ และลดน้ำมูกในโรคหวัดและโรคอื่น ๆ โดยต้องระบุชื่อยา หมายเลขการผลิต จำนวนที่ขาย และชื่อ - นามสกุลผู้ซื้อ เพื่อแก้ปัญหาการใช้ยาผิดวัตถุประสงค์ในการนำไปใช้เป็นสารเสพติด แต่ถือเป็นการละเมิดสิทธิของประชาชนและอาจส่งผลกระทบต่อการเข้าถึงยา
ภก.ประพนธ์ อางตระกูล รองเลขาธิการ อย. และโฆษก อย. กล่าวว่า การใช้มาตรการดังกล่าวเป็นความพยายามในการแก้ปัญหาการใช้ยาอย่างไม่เหมาะสม ซึ่งที่ผ่านมา อย. พยายามประชาสัมพันธ์ ขอความร่วมมือแล้วอย่างเต็มที่ ทั้งจากการร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกระทรวงศึกษาธิการ แต่สถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น และพบการกระทำผิดอย่างต่อเนื่อง จึงต้องออกมาตรการดังกล่าว ซึ่งอยากขอความร่วมมือประชาชนในการให้ความร่วมมือกับทางร้านขายยาในการแจ้งชื่อผู้ซื้อ เพื่อขอซื้อยาในกลุ่มที่ได้ประกาศไป ในระหว่างที่มีการทดลองใช้มาตรการดังกล่าวประมาณ 3 - 6 เดือน จะมีการทบทวนและพิจารณาถึงความเหมาะสมในการใช้มาตรการนี้
“เชื่อว่า ประชาชนจะเข้าใจและให้ความร่วมมือ เพื่อช่วยกันแก้ปัญหาการใช้ยาในทางที่ผิด ซึ่งร้านขายยาถือเป็นหน่วยที่ให้บริการสาธารณสุขขั้นพื้นฐาน การให้ชื่อก็เหมือนกับการให้ชื่อกับหน่วยบริการทางการแพทย์ ซึ่งจำเป็นต้องขอชื่อผู้ให้บริการ ไม่ได้เป็นการลิดรอนสิทธิขั้นพื้นฐานแต่อย่างใด” ภก.ประพนธ์ กล่าวและว่า ส่วนสถานการณ์การใช้ยาในทางที่ผิดนั้น แต่ละพื้นที่จะมีลักษณะแตกต่างกัน แต่พบว่าส่วนใหญ่จะเป็นการใช้ยาในกลุ่มแอนติฮิสตามีน ซึ่งมีประมาณ 11 รายการ โดยพบว่าการใช้ยาในกลุ่มนี้ไม่ได้ใช้แค่ตัวใดตัวหนึ่ง แต่มีการใช้แบบกระจายตัว เพราะยาในกลุ่มดังกล่าวให้ฤทธิ์ง่วงซึมได้ทั้งหมด การห้ามเพียงตัวใดตัวหนึ่ง ก็ยังมีการเปลี่ยนไปใช้ยาที่มีฤทธิ์เหมือนกันตัวอื่นๆในกลุ่มได้อยู่ดี อย่างไรก็ตาม อย. มีคณะอนุกรรมการทบทวนยาอยู่ตลอด จะมีการประเมินสถานการณ์ตลอดเวลา โดยการใช้มาตรการทำบัญชีการขายยาจะมีการประเมินอีกครั้งว่าจะสามารถแก้ปัญหาได้หรือไม่ ซึ่งการทบทวนจะพิจารณาในหลายประเด็น ทั้งนี้ ในปีที่ผ่านมามีการพักใช้ใบอนุญาตร้านขายยาที่ลักลอบขายยาอันตรายโดยไม่เป็นไปตามเกณฑ์แล้ว 40 ร้าน
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่