xs
xsm
sm
md
lg

คำต่อคำ : คืนความสุขให้คนในชาติ 25 กันยายน 2558

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สวัสดีครับพ่อแม่พี่น้องชาวไทยที่รักทุกท่าน เมื่อวานนี้เป็นวันมหิดล หรือวันคล้ายวันสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ที่ทรงมีคุณูปการต่อการแพทย์สมัยใหม่ของไทยตลอดพระชนม์ชีพของสมเด็จพระบรมราชชนก ได้ทรงประกอบพระกรณียกิจเพื่อประเทศชาติและประชาชนอย่างไพศาล โดยเฉพาะด้านการแพทย์ การสาธารณสุข ทรงอุทิศกำลังพระวรกาย และพระหทัย ตลอดจนทรัพย์สินส่วนพระองค์ เพื่อการแพทย์แผนไทยอย่างมากมาย ไม่ว่าจะทรงเป็นอาจารย์สอนนักศึกษาแพทย์ ทรงช่วยเหลือด้านการขยายกิจการของโรงพยาบาลศิริราช ประทานเงินส่วนพระองค์จัดสร้างตึกคนไข้ จัดหาที่พัก สำหรับพยาบาลได้อาศัยอยู่ ทรงบริจาคทรัพย์ส่วนใหญ่เป็นทุนไว้สำหรับส่งนักศึกษาแพทย์และนักเรียนพยาบาลออกไปศึกษาต่อต่างประเทศ ประทานเงินจัดหาเครื่องมือเครื่องใช้สำหรับปฏิบัติการในโรงพยาบาล ปรับปรุงการศึกษา และวางมาตรฐาน จนสามารถรองรับกิจการแพทย์ของประเทศ ได้ดังปัจจุบัน เป็นต้น ด้วยเหตุนี้ปวงชนชาวไทยที่สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ จึงได้พร้อมใจกันเฉลิมพระเกียรติพระองค์ ให้เป็นพระบิดาแห่งการแพทย์แผนปัจจุบัน ระหว่างวันที่ 24-30 กันยายนนี้ ผมได้เดินทางมาปฏิบัติภารกิจเข้าร่วมประชุมสหประชาชาติ สมัยสามัญครั้งที่ 70 ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกานะครับ

ในโอกาสนี้ผมจะกล่าวถ้อยคำแถลง ย้ำเจตนารมณ์ของประเทศไทย ที่จะร่วมมือกับสหประชาชาติ เพื่อรักษา 3 เสาหลักของการพัฒนา โดยจะเสนอประสบการณ์ของไทยในการขจัดความยากจน ลดความเหลื่อมล้ำ ทำให้สามารถผ่านพ้นวิกฤตเศรษฐกิจ และมีอัตราการว่างงานน้อยที่สุด มุ่งไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยประเทศไทยของเรานั้นได้น้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่พระราชทานให้กับพสกนิกรชาวไทย และแสดงเป็นแบบอย่างให้กับรัฐบาลได้ปฏิบัติมานานกว่า 40 ปีแล้ว โดยรัฐบาลได้นำมาประยุกต์ใช้ในการกำหนดนโยบายในการบริหารราชการแผ่นดิน และบรรจุไว้ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของชาติทุกฉบับที่ผ่านมา อีกทั้งยังเป็นรากฐานสำคัญในการกำหนดวิสัยทัศน์ประเทศ 5 ปี ของรัฐบาล ผมถือโอกาสนี้ เป็นโอกาสอันดีที่เราจะได้อธิบายให้กับผู้นำประเทศทั่วโลกเข้าใจ และทราบถึงหลักการแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงนี้ ที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง เป็นรูปแบบหนึ่งในการพัฒนาที่มั่นคงและยั่งยืน นอกจากนี้ ผมยังมีกำหนดการเข้าร่วมการหารือแนวทางการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน และการดำเนินการเพื่อการเสมอภาคเท่าเทียม และการเพิ่มบทบาทสตรีด้วย

สำหรับการเยือนครั้งนี้นั้น ผมจะเป็นตัวแทนประเทศไทย ในการรับมอบรางวัลการพัฒนาดิจิตอลอย่างยั่งยืนระดับโลก หรือ ไอทียู โกลเบิล จากเลขาธิการสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ ในฐานะที่ประเทศไทยของเราให้ความสำคัญกับการใช้เทคโนโลยีดิจิตอลพัฒนาประเทศ รวมทั้งพบปะกับอุปกรณ์ต่างๆ ทั้งเลขาธิการสหประชาชาติ และพูดคุยกับสมาคมธุรกิจสหรัฐฯ เพื่อให้รับทราบแนวทางการรปะกอบธุรกิจ การลงทุนในประเทศไทย ว่าเราดำเนินการส่งเสริมในทิศทางใดบ้างปัจจุบัน และที่สำคัญ ก็จะได้มีโอกาสพบกับทีมประเทศไทยที่อยู่ในสหรัฐฯอีกด้วย

สำหรับกรณีที่จะมีคนออกมาต่อต้านนั้น ในระหว่างที่ผมปฏิบัติภารกิจนั้น ผมถือว่าเป็นสิทธิส่วนบุคคล แต่ก็ขอร้องว่า ในการเดินทางไปของผมครั้งนี้นั้น ไม่ได้ไปในฐานะส่วนบุคคล เป็นตัวแทนของประเทศ อะไรก็ตามที่จะเป็นการทำลายชื่อเสียงของประเทศชาติ ฉะนั้นคนทุกคนผมเชื่อมั่นว่ามีความคิด มีความปรารถนาดี มีความรักชาติ รักแผ่นดิน เหมือนกัน หวังดีต่อประเทศก็คงไม่ทำกัน ในสิ่งที่เสียหาย

สำหรับกลุ่มที่จะออกมาให้กำลังใจก็ขอขอบคุณ ขอให้ตระหนักว่าทุกอย่างที่แสดงออกมานั้น ถือว่าเป็นหน้าเป็นตา เป็นภาพพจน์ของประเทศไทยของเราทั้งสิ้น ก็ขอให้ทุกท่านปฏิบัติตามกฎระเบียบตามกฎหมาย มีสติ ควบคุมอารมณ์ตัวเอง ช่วยดูแลซึ่งกันและกัน อย่าให้ถูกชักนำ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด จนทำให้เกิดการกระทบกระทั่งกับกลุ่มที่เห็นต่าง

สำหรับภาพลักษณ์ของประเทศไทยในปัจจุบัน มีความเสียหายมามากพอสมควร ถ้าหากเรารักประเทศไทยของเราอยู่ เราก็ต้องแสดงให้คนอื่นเขาเห็นว่าเรามีการพัฒนากันไปในสิ่งที่ดีๆ อย่างไรในปัจจุบัน เป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจตลอดเวลาที่ผ่านมา ดีขึ้นทุกอย่าง

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสเป็นประธานเปิดเวทีจุดประกายสานพลังประชารัฐ เพื่อเศรษฐกิจฐานราก เพื่อประกาศการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ประชารัฐ ในการวางเศรษฐกิจฐานรากอย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นปฏิบัติการรวมพลังทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะอยู่ในภาคประชาชน ภาคธุรกิจ หรือภาครัฐ ทุกคนก็คือประชาชนของชาติ ประเทศชาติไม่ใช่ของผมหรือของคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นของพี่น้องประชาชนทั้ง 70 กว่าล้านคน ที่เราเรียกว่าเป็นประชารัฐ อาจจะไม่ใช่คำว่าประชานิยม ที่ประชาชนอาจจะให้ความนิยมต่อภาครัฐ แต่วันนี้เป็นความร่วมมือระหว่างรัฐบาลกับประชาชน เรื่องที่มีประโยชน์ผมคิดว่ายังมีอยู่ แต่จะต้องไม่สร้างภาระมากมาย และต้องสามารถดำเนินการต่อไปได้ เพื่อพี่น้องประชาชน แต่สิ่งใดก็ตามที่มันจะต้องเป็นภาระมากๆ ผมอยากให้เรียกว่าเป็นประชารัฐดีกว่า จะได้ร่วมมือกันทั้งสองฝ่าย รัฐบาลก็จะช่วยอำนวยความสะดวก สนับสนุน เปิดช่องทางให้เอกชน ประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วม ตามกระบวนการประชาธิปไตย ทำให้การบริหารงานต่างๆ เหล่านั้นไม่มีความขัดแย้งเกิดขึ้น ระหว่างประชาชนกับรัฐบาล

เพราะฉะนั้นผมเชื่อว่า ถ้าหากรัฐบาลทุกรัฐบาลมีธรรมาภิบาล ประชาชนกับรัฐบาลจะร่วมมือกันทำงาน ร่วมมือกันแก้ไขปัญหา จูงมือกันเดินไปพร้อมๆ กันนะครับ ไม่มีความขัดแย้ง ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ไม่มีการแบ่งประชาชนออกเป็นกลุ่มเป็นพวก อย่างที่เคยมีมาในอดีต รัฐบาลนี้ตั้งใจมั่นในการที่จะดูแล และห่วงใยทุกคน คนไทยทุกคนอย่างเท่าเทียม

ทั้งนี้ก็ด้วยการทำงานพัฒนาอย่างยั่งยืน คือการสร้างเครือข่ายประชารัฐในทุกด้าน ซึ่งจะทำให้เป็นกลไกสำคัญเชื่อมโยง เสริมสร้างการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ซึ่งเป็นแนวทางการบริหารราชการแผ่นดินยุคปัจจุบันนะครับ อาจจะเรียกว่ายุคใหม่ ช่วยให้มีการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ ดูแลทรัพย์สินกิจการต่างๆ ของชุมชนให้ใช้ประโยชน์สูงสุด อำนวยประโยชน์แก่ชุมชน ประชาชนทุกหมู่เหล่า ซึ่งมันจะเกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตของประชาชนโดยตรง

สำหรับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้น ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่คนไทยทุกคนควรจะยึดถือว่า รวมทั้งต้องมีความรู้คู่กับคุณธรรมด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่จะเข้ามาบริหารบ้านเมืองจะต้องมีคุณธรรม ศีลธรรม มีหลักธรรมาภิบาล

วันนี้ รัฐบาลต้องพึ่งพลังประชาชน ทุกคนต้องก้าวเดินไปพร้อมกัน ไม่สะดุดกันไปมาในการสร้างการเมืองที่มีคุณภาพ และไปสู่การเป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อย่างรวดเร็ว ทุกคนคงอยากได้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ที่มีธรรมาภิบาล ปราศจากทุจริตคอร์รัปชั่น ไม่มีการสร้างความแตกแยกนะครับ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ รัฐบาลไม่สามารถดำเนินการได้เพียงลำพัง ทั้งรัฐบาล และ คสช. ก็คาดหวังจะอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่เราเป็นประชารัฐ ซึ่งประชาชนกับรัฐบาลต้องร่วมมือกันเต็มที่ รัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุน และมั่นใจว่าปัญหาทั้งหมดย่อมแก้ไขได้อย่างแน่นอน หากร่วมมือกัน ถ้าเราคาดหวังว่าให้บ้านเมืองของเรานั้น ก้าวหน้าไปอย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน

สำหรับการขับเคลื่อนประเทศตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ในอนาคตข้างหน้า รัฐบาลได้ผนวก 11 ประเด็นปฏิรูปของ คสช. เข้ากับข้อเสนอเดิมของสภาปฏิรูปแห่งชาติ 36 ประเด็นปฏิรูป กับอีก 7 ประเด็นพัฒนา รวมทั้งนโยบายใหม่ๆ ของรัฐบาล ออกมาเป็นแนวทางบรรจุไว้ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 พ.ศ.2560 - 2564 และยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เพื่อจะเป็นเข็มทิศการเดินหน้าประเทศ ซึ่งจะยึดกรอบแนวคิดและหลักสำคัญในการวางแผนที่สำคัญก็คือ 1.การน้อมนำ และประยุกต์หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 2.ประชาชนเป็นศูนย์กลางของการพัฒนาอย่างมีส่วนร่วม 3.การสนับสนุนและส่งเสริมแนวคิดในการปฏิรูปประเทศ 4.การพัฒนาสู่วิสัยทัศน์ของประเทศมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เพื่อให้สังคมอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ทั้งนี้ ปัจจุบันแผนอยู่ระหว่างการดำเนินการ คาดว่าจะประกาศใช้ได้ในเดือนตุลาคม 2559 โดยนำผลการประเมินตามแผนพัฒนาฉบับที่ 11 และข้อเสนอในการประชุมประจำปีของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในช่วง 3 ปีที่ผ่านมานั้นเป็นข้อมูลพื้นฐาน

ทั้งนี้ ในปี 2558 นี้ ก็จะได้มีการระดมความคิดเห็นของทั้งกลุ่มภาครัฐ ภาคเอกชน กลุ่มภาคเยาวชนเข้าร่วมกันจัดทำข้อเสนอประเด็นต่างๆ ซึ่งรวมถึง 1. ศักยภาพในการแข่งขัน เพื่อมุ่งสู่การเป็นประเทศรายได้สูง เปลี่ยนผ่านจากสังคมเกษตร ไปสู่เกษตรอุตสาหกรรม อุตสาหกรรม และการบริการ ให้มากขึ้น 2. การลงทุนเพื่ออนาคตของประเทศไทย เพื่อยกระดับศักยภาพทางเศรษฐกิจ และขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจไทยก้าวข้ามกับดักประเทศรายได้ปานกลาง 3. คนไทยกับสังคมสูงวัยที่มีคุณภาพ เร่งพัฒนาศักยภาพคนในทุกช่วงวัย ยกระดับคุณภาพการศึกษาและการเรียนรู้ พัฒนาระบบสุขภาพและสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการมีคุณภาพชีวิตที่ดี 4. การพัฒนาพื้นที่ ภาค และการเชื่อมโยงภูมิภาค สร้างความอยู่ดีมีสุขของประชาชนไทยและประชาชนประเทศเพื่อนบ้าน 5. การพัฒนาการเกษตรไทยสู่ความเป็นเลิศด้านอาหารของโลก ภายใต้บริบทที่เปลี่ยนแปลงไป โดยการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติที่เป็นฐานการผลิตที่สำคัญของภาคการเกษตร ทั้งทรัพยากรน้ำ และที่ดิน 6. การเติบโตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน เพื่อจะกำหนดแนวทางในการรักษาทุนทางธรรมชาติ การตั้งเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจำ และการส่งเสริมการผลิตและบริโภคที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และ 7. ภาครัฐของประชาชนเพื่อประชาชน เป็นประชารัฐ สามารถยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนไทยอย่างแท้จริง

สุดท้ายนี้ เนื่องจากสภาพดินฟ้าอากาศช่วงปลายฤดูฝนยังมีความไม่แน่นอน อาจจะมีพายุฝน หรือพายุลม วาตภัย เข้ามาในเขตประเทศไทยได้ตลอดเวลา ขอให้พ่อแม่พี่น้องติดตามการแจ้งเตือนวาตภัย อุทกภัย จากหน่วยงานภาครัฐอย่างใกล้ชิด

ก่อนออกเดินทางมาปฏิบัติภารกิจต่างประเทศของผมในครั้งนี้ได้กำชับ สั่งการให้หน่วยงานของรัฐเตรียมพร้อมรับสถานการณ์จากภัยธรรมชาติรูปแบบต่างๆ ตามแผนเผชิญเหตุของทุกหน่วยงาน ให้สามารถออกปฏิบัติการในงานบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนได้อย่างทันท่วงที

สำหรับพี่น้องประชาชนเอง ขอให้สำรวจทรัพย์สินที่อยู่อาศัยให้มีความมั่นคง และผู้ประกอบการร้านค้า เจ้าของป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ ต้องตรวจสอบให้มีความเข้มแข็ง แข็งแรงกันอยู่เสมอ การเดินทางสัญจรขอให้ใช้ความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น ในช่วงที่มีฝนตกนะครับ เจ้าหน้าที่ในส่วนพื้นที่ชุมชนเมืองใหญ่ กทม. เตรียมการระมัดระวังเรื่องการระบายน้ำด้วย

อีกประการหนึ่งที่เป็นห่วงคือ ในเรื่องของการประกอบอาชีพการเกษตร ในห้วงปลายฤดูฝนเป็นต้นไปนี้ ทุกคนเฝ้าติดตามการแจ้งเตือนของเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลด้วย ในการจะต้องระมัดระวังในเรื่องของการใช้น้ำ การเพาะปลูกพืชตามคำแนะนำ สิ่งต่างๆเหล่านี้ผมทราบว่า เป็นเหตุผลที่สำคัญในการที่จะทำให้ประชาชนนั้นสามารถที่จะมีชีวิตอยู่ได้ในปัจจุบันนะครับ คือการประกอบอาชีพทางการเกษตร แต่ต้องเข้าใจถึงหลักการและเหตุผล ในกรณีที่มีน้ำต้นทุนค่อนข้างจำกัด

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลก็จะพยายามแก้ปัญหาได้ในทุกมิติ ขอให้ติดตามในคำแนะนำต่างๆ จากรัฐบาล หากมีเรื่องเดือดร้อนปัญหาใดๆ ก็ตาม ขอให้เข้าหาเจ้าหน้าที่ได้ตลอดเวลา ขอให้ทุกท่านมีความสุขนะครับ ในห้วงวันหยุดสุดสัปดาห์เช่นเคย ให้ปลอดภัย ให้ใช้เวลาว่างกับครอบครัวให้เกิดประโยชน์ให้มากที่สุด ขอให้มีความสุขนะครับ สวัสดีครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น