ศาลจังหวัดตรังได้อ่านคำพิพาษาตัดสินคดี นายสมชาย โล่สถาพรพิพิธ อดีต ส.ส.ตรัง หลายสมัย พรรคประชาธิปัตย์ กับนายธานินทร์ ใจสมุทร อดีต ส.ส.สตูล พรรคประชาธิปัตย์ หลังคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดตรัง แจ้งความดำเนินคดีกล่าวโทษว่า ทั้ง 2 คน กระทำความผิด พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พศ.2554 ในการขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงช่วยเหลือ นายกิจ หลีกภัย หัวหน้าทีมกิจปวงชน พรรคประชาธิปัตย์ กับนายสนิท เพทาย ลูกทีม แข่งกับนายธนิต ชูเพ็ง อดีต สจ.อำเภอหาดสำราญหลายสมัยในการเลือกตั้งนายกและสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดตรัง เมื่อปี 2551
ทั้งนี้ ในการขึ้นเวทีปราศรัยดังกล่าวทั้ง 2 คน ได้กล่าวใส้ร้ายป้ายสีนายธนิตจนต่อมา คณะกรรมการการเลือกตั้ง( กกต.)ได้ให้ใบเหลืองนายสนิท และจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ จากนั้น กกต.ได้แจ้งความดำเนินคดีกับนายสมชายและนายธานินทร์ ในข้อหากระทำผิด พ.ร.บ.เลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2554 มาตรา 57 (5) หลอกลวง บังคับ ขู่เข็ญ ใช้อิทธิพลคุกคาม ใส่ร้าย หรือจูงใจให้เข้าใจผิดในเรืองใดอันเกี่ยวกับผู้สมัคร ทั้งสองคนให้การรับสารภาพ ศาลจึงได้ตัดสินจำคุกทั้ง 2 คน เป็นเวลาคนละ 1 ปี ปรับคนละ 1.2 แสนบาท แต่ทั้งสองคนให้การรับสารภาพ จึงพิพากษาลดโทษเหลือ 1 ใน 3 ให้เหลือจำคุกคนละ 8 เดือน และปรับคนละ 8 หมื่นบาท โดยโทษจำคุกให้รอลงอาญาเป็นเวลา 1 ปี และสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนด 10 ปี
ด้านนายสมชาย กล่าวว่า ศาลตัดสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 10 ปี แต่ตอนนี้อายุ 58 ปีแล้ว ตั้งใจจะเกษียณอายุการเป็นนักการเมืองตอนอายุ 60 ปี แต่เมื่อผลการตัดสินออกมาเป็นแบบนี้ ก็ถือว่าได้พักเร็วขึ้น จากนี้ไปจะพักผ่อน แต่พร้อมจะให้บุตรสาวคือ น.ส.สุนัชชา โล่สถาพรพิพิธ ซึ่งกำลังศึกษาต่ออยู่ที่มหาวิทยาลัยควีนแมรี ประเทศอังกฤษ ลงเล่นการเมืองแทนตนเองต่อไป
ทั้งนี้ ในการขึ้นเวทีปราศรัยดังกล่าวทั้ง 2 คน ได้กล่าวใส้ร้ายป้ายสีนายธนิตจนต่อมา คณะกรรมการการเลือกตั้ง( กกต.)ได้ให้ใบเหลืองนายสนิท และจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ จากนั้น กกต.ได้แจ้งความดำเนินคดีกับนายสมชายและนายธานินทร์ ในข้อหากระทำผิด พ.ร.บ.เลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2554 มาตรา 57 (5) หลอกลวง บังคับ ขู่เข็ญ ใช้อิทธิพลคุกคาม ใส่ร้าย หรือจูงใจให้เข้าใจผิดในเรืองใดอันเกี่ยวกับผู้สมัคร ทั้งสองคนให้การรับสารภาพ ศาลจึงได้ตัดสินจำคุกทั้ง 2 คน เป็นเวลาคนละ 1 ปี ปรับคนละ 1.2 แสนบาท แต่ทั้งสองคนให้การรับสารภาพ จึงพิพากษาลดโทษเหลือ 1 ใน 3 ให้เหลือจำคุกคนละ 8 เดือน และปรับคนละ 8 หมื่นบาท โดยโทษจำคุกให้รอลงอาญาเป็นเวลา 1 ปี และสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนด 10 ปี
ด้านนายสมชาย กล่าวว่า ศาลตัดสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 10 ปี แต่ตอนนี้อายุ 58 ปีแล้ว ตั้งใจจะเกษียณอายุการเป็นนักการเมืองตอนอายุ 60 ปี แต่เมื่อผลการตัดสินออกมาเป็นแบบนี้ ก็ถือว่าได้พักเร็วขึ้น จากนี้ไปจะพักผ่อน แต่พร้อมจะให้บุตรสาวคือ น.ส.สุนัชชา โล่สถาพรพิพิธ ซึ่งกำลังศึกษาต่ออยู่ที่มหาวิทยาลัยควีนแมรี ประเทศอังกฤษ ลงเล่นการเมืองแทนตนเองต่อไป
