ศาสตราจารย์ปรีชา ประเทพา รักษาราชการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาสารคาม นัดหารือกับอาจารย์-นิสิตวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ และคณะมนุษยศาตร์และสังคมศาสตร์ เพื่อหาข้อยุติกรณีนิสิตโพสต์และแชร์ภาพข่มขู่อาจารย์หญิง หลังวิพากษ์วิจารณ์การรับน้อง ไม่เห็นด้วยกับระบบ Sotus ที่รุ่นพี่ให้รุ่นน้องแต่งตัวประหลาด ๆ สวมเสื้อกั๊ก ปลอกแขน แขวนเปียโนกระดาษอันใหญ่ ทำให้มีนิสิตวิทยาลัยดุริยางคศิลป์เกิดความไม่พอใจ และโพสต์ข้อความข่มขู่หมายเอาชีวิตอาจารย์ จนเป็นกระแสสังคมและในโลกโซเชี่ยลเน็ตเวิรค์
โดยบรรยากาศในช่วงท้ายของการหารือ ตัวแทนนิสิตทั้งรุ่นพี่และน้องใหม่วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ ได้นำพวงมาลัยมากราบขอโทษและขอขมากับผู้บริหาร และอาจารย์ทุกท่านที่ได้ล่วงเกินไปโดยไม่เจตนา พร้อมกล่าวแสดงความเสียใจที่ทำให้บุคคลภายนอก มองภาพลักษณ์มหาวิทยาลัยมหาสารคามในทางเสื่อมเสีย
ศาสตราจารย์ปรีชา ฝากถึงทุกฝ่ายให้มองว่า นี่เป็นอุทาหรณ์ที่จะต้องจดจำเป็นบทเรียน และระมัดระวังในการอยู่ร่วมกัน เพราะถือว่าเราอยู่ในบ้านหลังใหญ่ การกระทบกระทั่งกันย่อมมี ทางออกที่ดีคือเราจะต้องพูดคุยกันให้เข้าใจ ไม่ทะเลาะกันเอง ซึ่งทั้งผู้บริหารและอาจารย์ต่างก็ได้ขอโทษกันและกัน จึงยุติปัญหาภายในกันด้วยความเข้าใจ เพื่อให้สามารถร่วมมือร่วมใจกันทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์และสร้างสรรต่อไป อย่างไรก็ตาม อาจารย์หญิงคู่กรณีกับนิสิตกลุ่มนี้ ไม่ได้อยู่ในพิธีขอขมาครั้งนี้ด้วย
ด้านดร.ลลิตา หาญวงศ์ อาจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ กล่าวว่า เบื้องต้นทราบเรื่องแล้ว ก็รู้สึกพอใจ และรับได้ในระดับหนึ่ง แต่ก็ยังไม่ทั้งหมด และเมื่อกลับไปที่มหาวิทยาลัยแล้ว ก็ทราบว่าจะมีการมาขอขมาจากนิสิตอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเด็กก็เป็นอะไรที่ให้อภัยได้ เพราะเด็กก็คือเด็ก ยังห่าม ยังเกรียน ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าเป็นอย่างไร เมื่อผู้ใหญ่อยากให้จบก็คงต้องจบ แต่คนที่โพสต์ข้อความข่มขู่ ไม่ได้เป็นแค่เฉพาะนิสิต แต่ยังมีคนที่สำเร็จการศึกษาไปแล้ว รวมถึงอาจารย์ด้วย ซึ่งเด็กที่เป็นศิษย์เก่า จบไปแล้ว จะมาบอกว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์ไม่ได้ ก็คงต้องหาวิธีดำเนินการต่อไป ซึ่งกรณีนี้เป็นกรณีศึกษาให้รู้ว่าเด็กจะไม่ทำอย่างนี้กับใครโดย “รู้เท่าไม่ถึงการณ์”
โดยบรรยากาศในช่วงท้ายของการหารือ ตัวแทนนิสิตทั้งรุ่นพี่และน้องใหม่วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ ได้นำพวงมาลัยมากราบขอโทษและขอขมากับผู้บริหาร และอาจารย์ทุกท่านที่ได้ล่วงเกินไปโดยไม่เจตนา พร้อมกล่าวแสดงความเสียใจที่ทำให้บุคคลภายนอก มองภาพลักษณ์มหาวิทยาลัยมหาสารคามในทางเสื่อมเสีย
ศาสตราจารย์ปรีชา ฝากถึงทุกฝ่ายให้มองว่า นี่เป็นอุทาหรณ์ที่จะต้องจดจำเป็นบทเรียน และระมัดระวังในการอยู่ร่วมกัน เพราะถือว่าเราอยู่ในบ้านหลังใหญ่ การกระทบกระทั่งกันย่อมมี ทางออกที่ดีคือเราจะต้องพูดคุยกันให้เข้าใจ ไม่ทะเลาะกันเอง ซึ่งทั้งผู้บริหารและอาจารย์ต่างก็ได้ขอโทษกันและกัน จึงยุติปัญหาภายในกันด้วยความเข้าใจ เพื่อให้สามารถร่วมมือร่วมใจกันทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์และสร้างสรรต่อไป อย่างไรก็ตาม อาจารย์หญิงคู่กรณีกับนิสิตกลุ่มนี้ ไม่ได้อยู่ในพิธีขอขมาครั้งนี้ด้วย
ด้านดร.ลลิตา หาญวงศ์ อาจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ กล่าวว่า เบื้องต้นทราบเรื่องแล้ว ก็รู้สึกพอใจ และรับได้ในระดับหนึ่ง แต่ก็ยังไม่ทั้งหมด และเมื่อกลับไปที่มหาวิทยาลัยแล้ว ก็ทราบว่าจะมีการมาขอขมาจากนิสิตอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเด็กก็เป็นอะไรที่ให้อภัยได้ เพราะเด็กก็คือเด็ก ยังห่าม ยังเกรียน ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าเป็นอย่างไร เมื่อผู้ใหญ่อยากให้จบก็คงต้องจบ แต่คนที่โพสต์ข้อความข่มขู่ ไม่ได้เป็นแค่เฉพาะนิสิต แต่ยังมีคนที่สำเร็จการศึกษาไปแล้ว รวมถึงอาจารย์ด้วย ซึ่งเด็กที่เป็นศิษย์เก่า จบไปแล้ว จะมาบอกว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์ไม่ได้ ก็คงต้องหาวิธีดำเนินการต่อไป ซึ่งกรณีนี้เป็นกรณีศึกษาให้รู้ว่าเด็กจะไม่ทำอย่างนี้กับใครโดย “รู้เท่าไม่ถึงการณ์”