นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยถึงการที่วานนี้ (4 ส.ค.) ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงมากถึง 64 จุด ว่า ในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมานักลงทุนต่างประเทศมีการทบทวนการลงทุนในตลาดหุ้น และแม้ว่านักลงทุนจะลงทุนในตลาดหุ้นอาเซียน แต่ส่วนใหญ่จะเข้าลงทุนในตลาดหุ้นที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจมากกว่าประเทศไทย เช่น อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ทำให้ปัจจัยหลักของดัชนีตลาดหุ้นไทยมาจากปัจจัยภายในประเทศเป็นหลัก ขณะที่พื้นฐานเศรษฐกิจของไทยยังคงแข็งแกร่ง รวมทั้งผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังคงขยายตัวร้อยละ 6.4 ซึ่งดีกว่าบริษัทจดทะเบียนในกลุ่มอาเซียนที่มีอัตราการขยายตัวร้อยละ 4.5
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าตั้งแต่ต้นปี 2558 นักลงทุนต่างประเทศขายหุ้นไทยแล้ว 70,000-80,000 ล้านบาท แต่ยังคงมีนักลงทุนต่างประเทศที่ยังคงถือหุ้นไทยถึงร้อยละ 32 หรือคิดเป็น 1 ใน 3 ของกลุ่มผู้ลงทุนในปัจจุบัน ดังนั้น ในภาวะที่ดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวลดลง จึงเป็นโอกาสของนักลงทุน เช่น กลุ่มพนักงานประจำที่จะลงทุนในกองทุนอาร์เอ็มเอฟ และแอลทีเอฟระยะยาว ส่วนผู้ที่ลงทุนในหุ้นอยู่แล้ว ก็ควรที่จะประเมินจากสถานการณ์และเป็นโอกาสที่จะลงทุนยาวได้ เพราะยังมีบริษัทจดทะเบียนที่ยังมีการจ่ายเงินปันผลมากกว่าร้อยละ 5
ส่วนการที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ และคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจชุดใหม่เข้าทำหน้าที่ ตลท.พร้อมให้การสนับสนุนและทำงานร่วมกับรัฐบาล และเห็นว่าขณะนี้ยังไม่จำเป็นต้องออกกองทุน หรือมาตรการพยุงหุ้น รวมทั้งลักษณะกองทุนวายุภักษ์ ซึ่งนายสมคิด เคยออกในสมัยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพราะปัจจุบันนักลงทุนในตลาดหุ้นไทยมีหลายกลุ่มและนักลงทุนมีความรู้ความเข้าใจมากขึ้นกว่าอดีต รวมทั้งตลาดหลักทรัพย์ฯควรที่จะมีความเข้มแข็งด้วยตัวเอง
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าตั้งแต่ต้นปี 2558 นักลงทุนต่างประเทศขายหุ้นไทยแล้ว 70,000-80,000 ล้านบาท แต่ยังคงมีนักลงทุนต่างประเทศที่ยังคงถือหุ้นไทยถึงร้อยละ 32 หรือคิดเป็น 1 ใน 3 ของกลุ่มผู้ลงทุนในปัจจุบัน ดังนั้น ในภาวะที่ดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวลดลง จึงเป็นโอกาสของนักลงทุน เช่น กลุ่มพนักงานประจำที่จะลงทุนในกองทุนอาร์เอ็มเอฟ และแอลทีเอฟระยะยาว ส่วนผู้ที่ลงทุนในหุ้นอยู่แล้ว ก็ควรที่จะประเมินจากสถานการณ์และเป็นโอกาสที่จะลงทุนยาวได้ เพราะยังมีบริษัทจดทะเบียนที่ยังมีการจ่ายเงินปันผลมากกว่าร้อยละ 5
ส่วนการที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ และคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจชุดใหม่เข้าทำหน้าที่ ตลท.พร้อมให้การสนับสนุนและทำงานร่วมกับรัฐบาล และเห็นว่าขณะนี้ยังไม่จำเป็นต้องออกกองทุน หรือมาตรการพยุงหุ้น รวมทั้งลักษณะกองทุนวายุภักษ์ ซึ่งนายสมคิด เคยออกในสมัยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพราะปัจจุบันนักลงทุนในตลาดหุ้นไทยมีหลายกลุ่มและนักลงทุนมีความรู้ความเข้าใจมากขึ้นกว่าอดีต รวมทั้งตลาดหลักทรัพย์ฯควรที่จะมีความเข้มแข็งด้วยตัวเอง