วันนี้ (13 ส.ค.) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย หนึ่งในจำเลยคดีรื้อบาร์เบียร์ สุขุมวิท 10 เมื่อปี 2546 เดินทางมารอฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หลังจากศาลอาญากรุงเทพใต้นัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย พ.ท.หิมาลัย ผิวพรรณ นายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา กองบัญชาการทหารสูงสุด พ.ต.ธัญเทพ ธรรมธร กับพวกรวม 131 คน เป็นจำเลยในความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ บุกรุกในเวลากลางคืน และกักขังหน่วงเหนี่ยวข่มขืนใจให้บุคคลอื่นปราศจากเสรีภาพ ซึ่งคดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก 8 เดือน นายชาญเวทย์ มาลัยบูชา จำเลยที่ 49 ซึ่งเป็นทนายความที่นำเอกสารสิทธิ์การครอบครองที่ดินไปแจ้งความกับพนักงานสอบสวนสน.ลุมพินี ให้ลงบันทึกประจำวันให้คนอื่นเข้าใจว่าการรื้อถอนของกลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าวถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนจำเลยอื่นยกฟ้อง ขณะที่ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาแก้ว่า นายชูวิทย์ กับพวกอีก 2 คนที่เป็นนายทหาร มีความผิดจริงให้จำคุกคนละ 5 ปี โดยไม่รอลงอาญา ส่วนจำเลยที่เหลืออีก 64 คน พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ยกฟ้อง
นายชูวิทย์ เปิดเผยก่อนเข้าฟังคำพิพากษาว่า ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำพิพากษาในวันนี้ เพราะมีจำเลยจำนวนมาก อีกทั้งคดีนี้ยืดเยื้อมากกว่า 10 ปีแล้ว ไม่ว่าศาลจะมีคำพิพากษาอย่างไรก็น้อมรับคำพิพากษาศาล เพราะเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม และวันนี้เตรียมขันน้ำ สบู่ ยาสีฟันมาด้วยเพราะเตรียมความพร้อมเท่านั้น ไม่ใช่การประชดแต่อย่างใด หากศาลพิพากษาจำคุกก็ต้องใช้ชีวิตในเรือนจำให้ได้
นายชูวิทย์ เปิดเผยก่อนเข้าฟังคำพิพากษาว่า ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำพิพากษาในวันนี้ เพราะมีจำเลยจำนวนมาก อีกทั้งคดีนี้ยืดเยื้อมากกว่า 10 ปีแล้ว ไม่ว่าศาลจะมีคำพิพากษาอย่างไรก็น้อมรับคำพิพากษาศาล เพราะเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม และวันนี้เตรียมขันน้ำ สบู่ ยาสีฟันมาด้วยเพราะเตรียมความพร้อมเท่านั้น ไม่ใช่การประชดแต่อย่างใด หากศาลพิพากษาจำคุกก็ต้องใช้ชีวิตในเรือนจำให้ได้