พ.ต.อ.ณัฎฐ์พัชร์ โฆษิตเลิศ อดีตอนุศาสนาจารย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เข้าแจ้งความกับ ร.ต.ท.เฉลิมพร ลาสอน พนักงานสอบสวนกองกำกับการ 3 กองปราบปราม ให้ดำเนินคดีกับนายนุรักษ์ สิมสวัสดิ์ หรือ นายนุรักษ์ ลิมสวัสดิ์ ข้อหาปลอมแปลงเอกสารและใช้เอกสารปลอม
พ.ต.อ.ณัฎฐ์พัชร์ อ้างว่าได้ประมูลซื้อที่ดินที่ นส.3 ในจังหวัดเลย จำนวน 50 ไร่ ในราคา 610,000 บาท เมื่อปี 2548 จากกรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม ซึ่งเป็นที่ดินของนายนุรักษ์ ทนายความที่ใช้ประกันตัวจำเลยในคดียักยอกทรัพย์ ต่อศาลจังหวัดเลย แต่จำเลยหลบหนีกรมบังคับคดีจึงขายทอดตลาด
อย่างไรก็ตามก่อนโอนที่ดิน ได้ไปตรวจสอบเบื้องต้นก็พบว่ามีที่ดินอยู่จริง จึงได้ดำเนินการซื้อขายอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และไปโอนที่กรมที่ดิน จังหวัดเลย แต่มาทราบภายหลังว่าที่ดินที่เดินทางไปดูเป็นของชาวบ้าน และที่ดินที่ตัวเองจัดซื้อไม่มีอยู่จริง จึงได้สอบถามไปยังกรมบังคับคดี ก็ไม่ได้ความชัดเจน จึงยื่นฟ้องกระทรวงยุติธรรม ต่อศาลจังหวัดเลย ซึ่งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ พิพากษาให้เพิกถอนการขายและให้คืนเงิน แต่ศาลฏีกา พิพากษากลับว่าเป็นความประมาทเลินเล่อของผู้ซื้อ ที่ไม่มีการตรวจสอบทรัพย์ก่อนการประมูลจึงให้ยกฟ้อง
จากนั้นจึงได้ยื่นฟ้องกระทรวงยุติธรรมต่อศาลแพ่งรัชดาภิเษกอีกครั้งเพื่อขอให้เพิกถอนการขายและขอเงินคืน ซึ่งคดียังอยู่ระหว่างการพิจารณาในชั้นศาล
“พฤติกรรมลักษณะนี้มีการทำเป็นขบวนการ โดยให้นายประกันยื่นหลักทรัพย์ประกันตัวจำเลยในช่วงที่เวลาใกล้ปิดทำการของศาล การตรวจสอบต่างๆจะทำได้ยากลำบากขึ้น สุดท้ายจำเลยสามารถได้ประกันตัวและหลบหนีคดี ศาลจึงยึดหลักทรัพย์ที่ดินที่นำมาค้ำประกันไว้ ก่อนส่งเรื่องให้กรมบังคับคดีขายทอดตลาด โดยที่ไม่รู้ว่ามีที่ดินจริงหรือไม่ เชื่อว่ายังมีอีกหลายรายที่ก่อเหตุในลักษณะนี้ ขอให้ตำรวจกองปราบฯ สืบสวนนำตัวผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดมาดำเนินคดี” พ.ต.อ.ณัฎฐ์พัชร์กล่าว
เบื้องต้น ร.ต.ท.เฉลิมพรรับเรื่องไว้พร้อมสอบปากคำผู้เสียหายและตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนรายงานผู้บังคับบัญชาพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอน
พ.ต.อ.ณัฎฐ์พัชร์ อ้างว่าได้ประมูลซื้อที่ดินที่ นส.3 ในจังหวัดเลย จำนวน 50 ไร่ ในราคา 610,000 บาท เมื่อปี 2548 จากกรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม ซึ่งเป็นที่ดินของนายนุรักษ์ ทนายความที่ใช้ประกันตัวจำเลยในคดียักยอกทรัพย์ ต่อศาลจังหวัดเลย แต่จำเลยหลบหนีกรมบังคับคดีจึงขายทอดตลาด
อย่างไรก็ตามก่อนโอนที่ดิน ได้ไปตรวจสอบเบื้องต้นก็พบว่ามีที่ดินอยู่จริง จึงได้ดำเนินการซื้อขายอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และไปโอนที่กรมที่ดิน จังหวัดเลย แต่มาทราบภายหลังว่าที่ดินที่เดินทางไปดูเป็นของชาวบ้าน และที่ดินที่ตัวเองจัดซื้อไม่มีอยู่จริง จึงได้สอบถามไปยังกรมบังคับคดี ก็ไม่ได้ความชัดเจน จึงยื่นฟ้องกระทรวงยุติธรรม ต่อศาลจังหวัดเลย ซึ่งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ พิพากษาให้เพิกถอนการขายและให้คืนเงิน แต่ศาลฏีกา พิพากษากลับว่าเป็นความประมาทเลินเล่อของผู้ซื้อ ที่ไม่มีการตรวจสอบทรัพย์ก่อนการประมูลจึงให้ยกฟ้อง
จากนั้นจึงได้ยื่นฟ้องกระทรวงยุติธรรมต่อศาลแพ่งรัชดาภิเษกอีกครั้งเพื่อขอให้เพิกถอนการขายและขอเงินคืน ซึ่งคดียังอยู่ระหว่างการพิจารณาในชั้นศาล
“พฤติกรรมลักษณะนี้มีการทำเป็นขบวนการ โดยให้นายประกันยื่นหลักทรัพย์ประกันตัวจำเลยในช่วงที่เวลาใกล้ปิดทำการของศาล การตรวจสอบต่างๆจะทำได้ยากลำบากขึ้น สุดท้ายจำเลยสามารถได้ประกันตัวและหลบหนีคดี ศาลจึงยึดหลักทรัพย์ที่ดินที่นำมาค้ำประกันไว้ ก่อนส่งเรื่องให้กรมบังคับคดีขายทอดตลาด โดยที่ไม่รู้ว่ามีที่ดินจริงหรือไม่ เชื่อว่ายังมีอีกหลายรายที่ก่อเหตุในลักษณะนี้ ขอให้ตำรวจกองปราบฯ สืบสวนนำตัวผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดมาดำเนินคดี” พ.ต.อ.ณัฎฐ์พัชร์กล่าว
เบื้องต้น ร.ต.ท.เฉลิมพรรับเรื่องไว้พร้อมสอบปากคำผู้เสียหายและตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนรายงานผู้บังคับบัญชาพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอน
