พ.ต.ท.ณัฐพงษ์ เกิดเอี่ยม พนักงานสอบสวนกองปราบปราม เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคมที่ผ่านมา ตำรวจได้ออกหมายเรียก น.ส.กัญฐณา ศิวาธนพล แคดดี้สนามกอล์ฟ และผู้เกี่ยวข้องคนสำคัญ ซึ่งเป็นผู้หญิงอีก 2 คนมาให้ข้อมูล เนื่องจากพบว่า มีรายชื่อเกี่ยวข้องกับโอนหุ้น จำนวนมูลค่าเกือบ 300 ล้านบาท จากนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ผู้เสียชีวิต
ล่าสุดวันนี้ ทนายความของ น.ส.กัญฐณา ศิวาธนพล แคดดี้สนามกอล์ฟ ได้ประสานเลื่อนนัดเข้าพบพนักงานสอบสวนอีกครั้ง และยังไม่ได้ระบุ วันนัด ส่วนการสอบปากคำพยานคนอื่นๆ นั้น ขณะนี้สอบปากคำผู้เกี่ยวข้องไปแล้ว จำนวน 6 คนด้วยกัน
ขณะที่ พ.ต.อ.ณษ เศวตเลข รองผู้บังคับการตำรวจกองปราบปราม เปิดเผยว่า รักษาราชการแทนผู้บังคับการกองปราบปราม มีคำสั่งให้พนักงานสอบสวนเข้าตรวจสอบเรื่องการโอนหุ้นมูลค่าเกือบ 300 ล้านบาทของนายชูวงษ์ ซึ่งพบว่าก่อนที่นายชูวงษ์เสียชีวิตมีการโอนหุ้นจำนวนหนึ่งไปให้กับผู้อื่น โดยพนักงานสอบสวนจะเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องกับการโอนหุ้นของนายชูวงษ์มาสอบปากคำทั้งหมด เพื่อตรวจสอบความเชื่อมโยงว่ามีความผิดปกติหรือไม่
ด้าน พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา ผบก.สส.บช.น. เปิดเผยว่า ในคดีนี้ทาง พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. ได้เรียก ผกก.สน.อุดมสุข และพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีเข้ามาตรวจสำนวน และสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โดยทาง ผบช.น.ได้สั่งให้ทาง สน.อุดมสุข ทำการสอบสวนเพิ่มเติมในอีก 8-9 ประเด็น เกี่ยวกับสาเหตุการตายว่า ผู้ตายเสียชีวิตเพราะสาเหตุใด ซึ่งเรื่องแรกจะต้องทำการสอบปากคำแพทย์ทั้ง 2 โรงพยาบาล ทั้งที่มีการรับศพผู้ตาย และแพทย์นิติเวชที่ทำการชันสูตรศพ โดยแพทย์ของโรงพยาบาลที่รับศพผู้ตายเป็นที่แรกนั้น ได้ทำการสอบปากคำไปแล้ว ส่วนแพทย์นิติเวชจะนัดมาสอบปากในวันที่ 19 ก.ค. นี้ สำหรับอีกเรื่องที่ต้องทำการสอบสวนเพิ่มเติม คือ เรื่องรถยนต์คันเกิดเหตุซึ่งได้มีการนัดเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญ และช่างเทคนิคของบริษัทรถยนต์มาสอบปากคำวันนี้ ในประเด็นเรื่องความเร็วของรถที่วิ่ง กับเรื่องระบบความปลอดภัยของรถยนต์ยี่ห้อนี้ว่า ความเร็วขนาดนี้จะเป็นเหตุให้ถึงกับเสียชีวิตได้หรือไม่ และสาเหตุใดถุงลงนิรภัยถึงไม่ทำงาน นอกจากนี้ในวันที่ 20ก.ค. จะมีการนัดพยานบุคคล พยานแวดล้อม ซึ่งเป็นกลุ่มบุคคลที่อยู่ในสนามกอล์ฟก่อนที่ผู้ตายจะประสบอุบัติเหตุมาสอบปากคำว่าจะสอดคล้องกับช่วงระยะเวลาก่อนที่ผู้ตายจะเสียชีวิตหรือไม่ รวมทั้งจะมีพิรุธหรือไม่เช่นกัน ก่อนนำผลการสอบปากคำของทุกส่วนมารวมเข้าในสำนวนซึ่งหากสอบปากคำกลุ่มบุคคลเหล่านี้แล้วก็น่าจะมีความชัดเจนมากขึ้น
พล.ต.ต.สมบัติ กล่าวว่า ขณะนี้สาเหตุของการเสียชีวิตยังมาจากอุบัติเหตุ ยังไม่สามารถระบุได้ว่ามาจากเรื่องฆาตกรรม นอกเสียจากจะมีหลักฐานเพิ่มเติมเข้ามาว่าจะไปเกี่ยวข้องเชื่อมโยงก็ต้องว่ากันไปตามพยานหลักฐาน ส่วนเรื่องที่ว่าหลังจากผู้ตายเสียชีวิตไปแล้วนั้นใครจะเป็นผู้ได้รับผลประโยชน์มากที่สุด การสอบสวนเรื่องนี้ยังไม่ชัดเจน ซึ่งในประเด็นนี้ได้แยกให้ทาง บช.ก. เป็นผู้รับผิดชอบสอบสวนประเด็นการโอนหุ้นและเรื่องผลประโยชน์ของผู้ตายทั้งหมด เพื่อจะได้ไม่ซ้ำซ้อนกัน ส่วนทาง บก.สส.บช.น.นั้น ได้เข้าไปช่วยทาง สน.อุดมสุข ในการเรื่องของการตรวจสอบกล้องวงจรปิดเพิ่มเติม ซึ่งขณะนี้ได้มาแล้ว 2-3 จุด
ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 ก.ค. พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีต สส.นครสวรรค์ และอดีต รมช.กระทรวงพาณิชย์ ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.พลศักดิ์ ชูสมานศิริ พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ สน.อุดมสุข เพื่อชี้แจงกรณีการเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำของ นายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง เศรษฐีหมื่นล้าน นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง และประธานกลุ่มวิทยาการตลาดทุน กิจการเพื่อสังคม (วตท.) รุ่นที่ 20 หลังจากที่นางศิริวรรณ แซ่ตั๊ง ภรรยานายชูวงษ์ ได้ให้สัมภาษณ์รายการข่าวชื่อดังช่องหนึ่ง ถึงข้อสงสัยที่ว่า นายชูวงษ์ อาจไม่ได้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุจากรถยนต์ และอาจเป็นคดีฆาตกรรมอำพราง
พ.ต.ท.บรรยิน กล่าวว่า ในวันเกิดเหตุตนได้นัดตีกอล์ฟร่วมกับกลุ่มเพื่อนที่เรียนหลักสูตรวิทยาการตลาดทุน (วตท.) พร้อมผู้หลักผู้ใหญ่ ซึ่งในวันนั้นตนได้เดินทางไปหา นายชูวงษ์ เพื่อคุยเรื่องธุรกิจที่นายชูวงษ์คุยเรื่องตกแต่งบ้านที่ออฟฟิศ และสอบถามคนขับรถของ นายชูวงษ์ ว่าไม่ได้นำไม้กอล์ฟมาหรือ ซึ่ง นายชูวงษ์ เข้าใจผิดคิดว่าเป็นวันอื่นจึงไม่ได้นำมา นายชูวงษ์ ก็ได้สั่งให้คนขับรถกลับไปเอาไม้กอล์ฟที่บ้าน ส่วน นายชูวงษ์ ก็อาศัยรถของตนไปที่สนามกอล์ฟ และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ขึ้นรถไปด้วยกัน เนื่องจากตนมีความสนิทสนมกับ นายชูวงษ์ อยู่แล้ว ในเรื่องผลประโยชน์ของธุรกิจที่ทำร่วมกัน ส่วนมากเป็นชื่อของ นายชูวงษ์ ซึ่งหาก นายชูวงษ์ เสียชีวิตไปตนก็ไม่ได้รับผลประโยชน์อะไร ส่วนเงิน 5 ล้านที่ทางญาติตนเองหยิบยืมไปเพื่อมัดจำที่ดินนั้น จริงแล้วเป็นการทำธุรกิจร่วมกัน โดย นายชูวงษ์ ลงทุน 3 ล้านบาท ส่วนตนลงทุน 2 ล้านบาท และมีเอกสารยืนยันการโอนเงิน
ล่าสุดวันนี้ ทนายความของ น.ส.กัญฐณา ศิวาธนพล แคดดี้สนามกอล์ฟ ได้ประสานเลื่อนนัดเข้าพบพนักงานสอบสวนอีกครั้ง และยังไม่ได้ระบุ วันนัด ส่วนการสอบปากคำพยานคนอื่นๆ นั้น ขณะนี้สอบปากคำผู้เกี่ยวข้องไปแล้ว จำนวน 6 คนด้วยกัน
ขณะที่ พ.ต.อ.ณษ เศวตเลข รองผู้บังคับการตำรวจกองปราบปราม เปิดเผยว่า รักษาราชการแทนผู้บังคับการกองปราบปราม มีคำสั่งให้พนักงานสอบสวนเข้าตรวจสอบเรื่องการโอนหุ้นมูลค่าเกือบ 300 ล้านบาทของนายชูวงษ์ ซึ่งพบว่าก่อนที่นายชูวงษ์เสียชีวิตมีการโอนหุ้นจำนวนหนึ่งไปให้กับผู้อื่น โดยพนักงานสอบสวนจะเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องกับการโอนหุ้นของนายชูวงษ์มาสอบปากคำทั้งหมด เพื่อตรวจสอบความเชื่อมโยงว่ามีความผิดปกติหรือไม่
ด้าน พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา ผบก.สส.บช.น. เปิดเผยว่า ในคดีนี้ทาง พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. ได้เรียก ผกก.สน.อุดมสุข และพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีเข้ามาตรวจสำนวน และสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โดยทาง ผบช.น.ได้สั่งให้ทาง สน.อุดมสุข ทำการสอบสวนเพิ่มเติมในอีก 8-9 ประเด็น เกี่ยวกับสาเหตุการตายว่า ผู้ตายเสียชีวิตเพราะสาเหตุใด ซึ่งเรื่องแรกจะต้องทำการสอบปากคำแพทย์ทั้ง 2 โรงพยาบาล ทั้งที่มีการรับศพผู้ตาย และแพทย์นิติเวชที่ทำการชันสูตรศพ โดยแพทย์ของโรงพยาบาลที่รับศพผู้ตายเป็นที่แรกนั้น ได้ทำการสอบปากคำไปแล้ว ส่วนแพทย์นิติเวชจะนัดมาสอบปากในวันที่ 19 ก.ค. นี้ สำหรับอีกเรื่องที่ต้องทำการสอบสวนเพิ่มเติม คือ เรื่องรถยนต์คันเกิดเหตุซึ่งได้มีการนัดเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญ และช่างเทคนิคของบริษัทรถยนต์มาสอบปากคำวันนี้ ในประเด็นเรื่องความเร็วของรถที่วิ่ง กับเรื่องระบบความปลอดภัยของรถยนต์ยี่ห้อนี้ว่า ความเร็วขนาดนี้จะเป็นเหตุให้ถึงกับเสียชีวิตได้หรือไม่ และสาเหตุใดถุงลงนิรภัยถึงไม่ทำงาน นอกจากนี้ในวันที่ 20ก.ค. จะมีการนัดพยานบุคคล พยานแวดล้อม ซึ่งเป็นกลุ่มบุคคลที่อยู่ในสนามกอล์ฟก่อนที่ผู้ตายจะประสบอุบัติเหตุมาสอบปากคำว่าจะสอดคล้องกับช่วงระยะเวลาก่อนที่ผู้ตายจะเสียชีวิตหรือไม่ รวมทั้งจะมีพิรุธหรือไม่เช่นกัน ก่อนนำผลการสอบปากคำของทุกส่วนมารวมเข้าในสำนวนซึ่งหากสอบปากคำกลุ่มบุคคลเหล่านี้แล้วก็น่าจะมีความชัดเจนมากขึ้น
พล.ต.ต.สมบัติ กล่าวว่า ขณะนี้สาเหตุของการเสียชีวิตยังมาจากอุบัติเหตุ ยังไม่สามารถระบุได้ว่ามาจากเรื่องฆาตกรรม นอกเสียจากจะมีหลักฐานเพิ่มเติมเข้ามาว่าจะไปเกี่ยวข้องเชื่อมโยงก็ต้องว่ากันไปตามพยานหลักฐาน ส่วนเรื่องที่ว่าหลังจากผู้ตายเสียชีวิตไปแล้วนั้นใครจะเป็นผู้ได้รับผลประโยชน์มากที่สุด การสอบสวนเรื่องนี้ยังไม่ชัดเจน ซึ่งในประเด็นนี้ได้แยกให้ทาง บช.ก. เป็นผู้รับผิดชอบสอบสวนประเด็นการโอนหุ้นและเรื่องผลประโยชน์ของผู้ตายทั้งหมด เพื่อจะได้ไม่ซ้ำซ้อนกัน ส่วนทาง บก.สส.บช.น.นั้น ได้เข้าไปช่วยทาง สน.อุดมสุข ในการเรื่องของการตรวจสอบกล้องวงจรปิดเพิ่มเติม ซึ่งขณะนี้ได้มาแล้ว 2-3 จุด
ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 ก.ค. พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีต สส.นครสวรรค์ และอดีต รมช.กระทรวงพาณิชย์ ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.พลศักดิ์ ชูสมานศิริ พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ สน.อุดมสุข เพื่อชี้แจงกรณีการเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำของ นายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง เศรษฐีหมื่นล้าน นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง และประธานกลุ่มวิทยาการตลาดทุน กิจการเพื่อสังคม (วตท.) รุ่นที่ 20 หลังจากที่นางศิริวรรณ แซ่ตั๊ง ภรรยานายชูวงษ์ ได้ให้สัมภาษณ์รายการข่าวชื่อดังช่องหนึ่ง ถึงข้อสงสัยที่ว่า นายชูวงษ์ อาจไม่ได้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุจากรถยนต์ และอาจเป็นคดีฆาตกรรมอำพราง
พ.ต.ท.บรรยิน กล่าวว่า ในวันเกิดเหตุตนได้นัดตีกอล์ฟร่วมกับกลุ่มเพื่อนที่เรียนหลักสูตรวิทยาการตลาดทุน (วตท.) พร้อมผู้หลักผู้ใหญ่ ซึ่งในวันนั้นตนได้เดินทางไปหา นายชูวงษ์ เพื่อคุยเรื่องธุรกิจที่นายชูวงษ์คุยเรื่องตกแต่งบ้านที่ออฟฟิศ และสอบถามคนขับรถของ นายชูวงษ์ ว่าไม่ได้นำไม้กอล์ฟมาหรือ ซึ่ง นายชูวงษ์ เข้าใจผิดคิดว่าเป็นวันอื่นจึงไม่ได้นำมา นายชูวงษ์ ก็ได้สั่งให้คนขับรถกลับไปเอาไม้กอล์ฟที่บ้าน ส่วน นายชูวงษ์ ก็อาศัยรถของตนไปที่สนามกอล์ฟ และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ขึ้นรถไปด้วยกัน เนื่องจากตนมีความสนิทสนมกับ นายชูวงษ์ อยู่แล้ว ในเรื่องผลประโยชน์ของธุรกิจที่ทำร่วมกัน ส่วนมากเป็นชื่อของ นายชูวงษ์ ซึ่งหาก นายชูวงษ์ เสียชีวิตไปตนก็ไม่ได้รับผลประโยชน์อะไร ส่วนเงิน 5 ล้านที่ทางญาติตนเองหยิบยืมไปเพื่อมัดจำที่ดินนั้น จริงแล้วเป็นการทำธุรกิจร่วมกัน โดย นายชูวงษ์ ลงทุน 3 ล้านบาท ส่วนตนลงทุน 2 ล้านบาท และมีเอกสารยืนยันการโอนเงิน