ตำรวจกองปราบเรียกสอบแคดดี้สาวที่รับโอนหุ้นจากเสี่ยชูวงษ์ นักธุรกิจรับเหมาหมื่นล้าน แต่เบี้ยวพบพนักงานสอบสวน คาดสอบปากคำเสร็จสัปดาห์หน้า เผยญาติระบุหุ้นที่โอน เสี่ยชูวงษ์เคยบอกจะไม่โอนหรือขาย ขณะแคดดี้สาวเป็นคนหน้าตาดี เคยเปลี่ยนชื่อนามสกุลรวม 5 ครั้ง และสนิทสนมเสี่ยรับเหมาอย่างมาก
วันนี้ (18 ก.ค.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 11.00 น. พ.ต.ท.ณัฐพงษ์ เกิดเอี่ยม พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. กล่าวถึงความคืบหน้ากรณี นายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง อายุ 50 ปี นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างหมื่นล้าน และประธานกลุ่มวิทยาตลาดทุน กิจการเพื่อสังคม (วตท.) รุ่นที่ 20 ที่เสียชีวิตปริศนา ว่า ก่อนหน้านี้ ได้มีการเรียกสอบปากคำ น.ส.กัญฐณา ศิวาธนพล แคดดี้ และพริตตี้ หลังทราบว่า เป็นบุคคลที่รับโอนหุ้นของนายชูวงษ์ แต่ น.ส.กัญฐณา ไม่สะดวก และขอเลื่อนเป็นวันนี้แทน อย่างไรก็ตาม พนักงานสอบสวนได้พยายามติดต่อกลับไปเพื่อยืนยันเวลานัดหมาย แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้มา 3 วันแล้ว กระทั่งเมื่อเวลาประมาณ 10.30 น. ทนายของ น.ส.กัญฐณา ได้โทรศัพท์มาขอเลื่อนโดยยังไม่ได้ระบุวัน และเวลา แต่รับปากว่าวันที่ 21 - 22 กรกฎาคมนี้ จะเดินทางเข้ามาพบตน เพื่อทำหนังสือระบุวันให้ปากคำอย่างเป็นทางการ
พ.ต.ท.ณัฐพงษ์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องไปแล้ว 6 - 7 ราย ยังเหลือที่ต้องสอบปากคำเพิ่มเติมอีกไม่ต่ำกว่า 4 ราย ได้แก่ น.ส.กัญฐณา โบรกเกอร์บริษัทอีก 1 ราย และหญิงสาวอีก 2 ราย โดยหนึ่งในนั้นมีชื่อเป็นผู้รับโอนหุ้นมูลค่า 40 - 80 ล้านบาท ซึ่งเป็นในส่วนของหุ้นที่ นางวันเพ็ญ ธนธรรมศิริ อายุ 54 ปี พี่สาวนายชูวงษ์ นายกันต์ อายุ 22 ปี ลูกชายนายชูวงษ์ พร้อมทนายเดินทางเข้าแจ้งความเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม คาดว่า การสอบปากคำบุคคลดังกล่าวจะแล้วเสร็จภายในสัปดาห์หน้า
พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช ผกก.1 บก.ป. กล่าวว่า หลังจากที่ทางญาติได้เข้าร้องเรียนนั้น ทาง พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รักษาการ ผบก.ป. ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ประเสริฐ พัฒนาดี พ.ต.อ.ณษ เศวตเลข รอง ผบก.ป. เป็นผู้ดูในภาพรวมคดี และให้ทาง กก.1 บก.ป. รับผิดชอบสืบสวนสอบสวน ทั้งนี้ ในเบื้องต้นได้มอบหมายให้ทางพนักงานสอบทำการสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งตรวจสอบเอกสารหลักฐาน ซึ่งในส่วนประเด็นที่ครอบครัวนายชูวงษ์ สงสัยว่า มีการปลอมแปลงลายเซ็นในเอกสารการทำธุรกรรมโอนหุ้นนั้น เบื้องต้นอยู่ระหว่างการประสานขอเอกสารตัวจริงกับทางญาติที่มีลายเซ็นของนายชูวงษ์มาเปรียบเทียบกับเอกสารที่ทางครอบครัวนำมาให้ รวมทั้งส่งให้กองพิสูจน์หลักฐานทำการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง
ด้าน นายอเนก ทนายความ กล่าวว่า หลังจากวานนี้ทาง นางวันเพ็ญ ธนธรรมสิริ และ นายกันต์ แซ่ตั๊ง ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.อัคราเดช เพื่อให้ทางกองบังคับการปราบปรามช่วยคลี่คลายคดีนี้ ก็ได้นำเอกสารหลักฐานเพิ่มเติมให้กับทางพนักงานสอบสวนเพื่อตรวจสอบ เนื่องจากครอบครัวได้นำลายเซ็นการโอนหุ้นไปให้พนักงานในบริษัทตรวจสอบ ได้รับการยืนยันว่าไม่ใช่ลายเซ็นนายชูวงษ์แน่นอน อย่างไรก็ตาม ในรายละเอียดของลายเซ็นว่าจริงหรือเท็จ หรือเป็นของบุคคลใด ขอให้ตำรวจกองปราบช่วยตรวจสอบต่อไป
ทั้งนี้ มีรายงานข่าวว่า ในธุรกรรมการโอนหุ้นของนายชูวงษ์นั้น จากการตรวจสอบพบว่า มีการโอนหุ้นจำนวน 4 ตัว และทำธุรกรรม 2 ครั้ง มูลค่ารวมกว่า 300 ล้านบาท โดยจำแนกเป็นการทำธุรกรรมครั้งที่ 1 ผู้ตายได้เซ็นเอกสารในวันที่ 5 มิ.ย. ซึ่งตรงกับวันศุกร์ และมีผลการโอนในวันจันทร์ที่ 8 มิ.ย. ซึ่งเป็นการโอนหุ้น 3 ตัว ในกลุ่มธุรกิจธนาคาร, หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และหุ้นกลุ่มพลังงาน มูลค่ากว่า 40 ล้าน ไปให้กับหญิงที่เป็นโบรกเกอร์ ทั้งนี้ ในระหว่างวันที่ 9 - 14 มิ.ย. ผู้ตายได้เดินทางไปต่างประเทศ และการทำธุรกรรมครั้งที่ 2 ผู้ตายได้เซ็นเอกสารในวันที่ 19 มิ.ย. ซึ่งตรงกับวันศุกร์ และมีผลการโอน ในวันจันทร์ที่ 22 มิ.ย. ซึ่งเป็นการโอนหุ้นอีเอ ในกลุ่ม บ.พลังงาน จำกัด จำนวน 9.5 ล้านหุ้น มูลค่ากว่า 228 ล้านบาท ให้กับ น.ส.กัญฐณา ศิวาธนพล แต่ปรากฏว่าในวันที่ 23 - 24 มิ.ย. มีการเทขายหุ้นตัวดังกล่าวออกไป
ต่อมาหลังจากการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ ทางบริษัทโบรกเกอร์ได้ส่งเอกสารรายงานการซื้อขายประจำเดือนมาให้ในวันที่ 30 มิ.ย. ทำให้ญาติทราบว่ามีการหายไปของหุ้นที่นายชูวงษ์ครอบครอง อย่างไรก็ตาม ในกรณีการโอนหุ้นนั้น ทางครอบครัวนายชูวงษ์ตั้งข้อสังเกตว่า หุ้นทั้งสามตัวที่มีการโอนครั้งแรกนั้นเป็นหุ้นที่ผู้ตายเคยบอกกับญาติว่าเป็นหุ้นที่จะไม่มีการโอนขาย ประกอบกับบุคคลที่ได้รับหุ้นเป็นบุคคลที่ทางญาติไม่รู้จักมาก่อน
สำหรับ น.ส.กัญฐณา เป็นแคดดี้ที่สนามกอล์ฟแห่งหนึ่งที่ นายชูวงษ์ และ พ.ต.ท.บรรยิน ไปตีกอล์ฟกันเป็นประจำ สำหรับ น.ส.กัญฐณา จัดเป็นหญิงสาวสวยหน้าตาดี นอกจากทำงานที่สนามกอล์ฟแล้ว ยังรับงานอีเวนต์เป็นพริตตี้สาวตามงานอีเวนต์ต่าง ๆ นอกจากนี้ ยังพบข้อมูลว่า น.ส.กัญฐณา มีความสนิทสนมกับนายชูวงษ์เป็นอย่างมาก ส่วนประเด็นที่ว่า น.ส.กัญฐณา มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับ พ.ต.ท.บรรยิน หรือไม่ อยู่ระหว่างการตรวจสอบ
ทั้งนี้ ยังพบข้อมูลว่าหญิงสาวรายนี้มีการเปลี่ยนชื่อเสียงเรียงนามมาแล้ว 5 ครั้ง เป็นการเปลี่ยนชื่อ 3 ครั้ง นามสกุล 2 ครั้ง โดยชื่อเดิมปรากฏชื่อ น.ส.ศรัญญา ก้านเหลือง แล้วเปลี่ยนมาเป็น น.ส.อภิชา ก้านเหลือง เมื่อปี พ.ศ. 2553 จากนั้นในปี พ.ศ. 2556 ได้มีการเปลี่ยนชื่อนามสกุลอีกครั้งเป็น น.ส.อภิชา ศิวาธนพล ก่อนที่ต่อมาเมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2558 จะมีการเปลี่ยนชื่ออีกครั้งเป็น น.ส.กัญฐณา ศิวาธนพล ซึ่งเป็นชื่อที่ใช้ในปัจจุบัน
นอกจากนี้ รายงานข่าวว่า เมื่อช่วงบ่ายของวันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบได้เดินทางไปสนามกอล์ฟเลควูด คันทรี คลับ ถนนบางนา-ตราด กม. 18 เพื่อสอบปากคำพนักงานที่เห็นนายชูวงษ์ และ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีต ส.ส.นครสวรรค์ และอดีต รมช.พาณิชย์ เป็นคนสุดท้าย เนื่องจากสถานที่ดังกล่าวเป็นสถานที่สุดท้ายที่ทั้งสองนัดเจอกันก่อนที่ขับรถยนต์ออกมาประสบอุบัติเหตุจนเป็นเหตุให้นายชูวงษ์ เสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เคยไปสอบปากคำพนักงานรวมถึงแคดดี้ที่อยู่ในเหตุการณ์ที่สนามกอล์ฟดังกล่าวไปแล้วครั้งหนึ่ง ทำให้ทราบข้อมูลว่า ในวันเกิดเหตุนายชูวงษ์ และ พ.ต.ท.บรรยิน ไม่ได้เล่นกอล์ฟกับกลุ่มเพื่อนอีก 6 คน เนื่องจากนายชูวงษ์ไม่ได้นำถุงกอล์ฟและอุปกรณ์การเล่นมา จึงต้องให้คนขับรถของนายชูวงษ์กลับไปนำอุปกรณ์มาให้ที่สนาม ซึ่งกว่าคนขับรถจะกลับมา เพื่อน ๆ ก็เล่นกันไปหลายเกมแล้ว นายชูวงษ์จึงตัดสินใจสั่งไวน์มาดื่มกับ พ.ต.ท.บรรยิน ที่คลับของสนามกอล์ฟแทน อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณใกล้เคียงกับสนามกอล์ฟ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ก่อนเกิดเหตุ เพื่อคำนวณเวลาก่อนนำไปประมวลวิเคราะห์ถึงความน่าจะเป็นของเหตุการณ์ต่อไป
วันเดียวกัน เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ สน.อุดมสุข ร.ต.ท.บุญเลิศ อู่ผลเจริญ พนักงานสอบสวน สน.อุดมสุข กล่าวว่า ขณะนี้มีคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้ตรวจสอบรายละเอียดในส่วนของตัวรถที่เกิดอุบัติเหตุ ว่าเป็นรถนำเข้า หรือประกอบในประเทศ และเพราะเหตุใดขณะเกิดอุบัติเหตุถุงลมนิรภัยถึงไม่ทำงาน โดยเบื้องต้นทราบว่ารถคันดังกล่าวได้ถูก พ.ต.ท.บรรยิน ซื้อมาในสภาพมือสอง ในนามของบริษัท บีดับบลิวบี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทของภรรยา แต่ยังไม่ทราบว่าซื้อมาจากที่ใด สำหรับผลการตรวจจากกองพิสูจน์หลักฐาน คาดว่า จะทราบผลในอีก 10 วันข้างหน้า และผลจากนิติเวชคาดว่าภายในสัปดาห์หน้าจะทราบเรื่องเช่นกัน สำหรับผลจากแพทย์ รพ.สิรินธร ระบุเบื้องต้นว่า บริเวณท้องของผู้เสียชีวิตไม่ได้รับการกระทบกระเทือน และไม่มีร่องรอยอาการบาดเจ็บใด ๆ ซึ่งตั้งแต่ช่วงลำคอถึงศีรษะนั้น ทางแพทย์ยังไม่ลงความเห็น เนื่องจากไม่ได้เอกซเรย์ อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องให้ทางนิติเวช รพ.ตำรวจ ตรวจสอบอย่างละเอียดและลงความเห็นอีกครั้งหนึ่ง
ด้าน พ.ต.ท.เนติ วงษ์กุหลาบ รอง ผกก.สส.สน.อุดมสุข กล่าวว่า หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิด และสอบถามพยานแวดล้อมทราบว่า พ.ต.ท.บรรยิน และ นายชูวงษ์ ได้เดินทางจากสนามกอล์ฟ โดยใช้รถยนต์คันดังกล่าว ในช่วงเวลาประมาณ 21.00 น. ซึ่งระยะทางตั้งแต่สนามกอล์ฟจนถึงที่เกิดเหตุเป็นระยะทางประมาณ 21 กิโลเมตร ส่วนเวลาเดินทางคาดว่าอยู่ที่ประมาณ 30 นาที ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับความเร็วของรถ รวมทั้งสภาพการจราจรในช่วงเวลาดังกล่าวด้วย ในส่วนของภาพจากวงจรปิดตามเส้นทาง สามารถบันทึกภาพเก็บไว้ได้เพียง 7 วัน และจะถูกลบทิ้งโดยอัตโนมัติ ขณะนี้สามารถดูย้อนหลังได้ถึงแค่วันที่ 1 ก.ค. เท่านั้น ซึ่งต้องขอภาพกล้องวงจรปิดจากทางภาคเอกชน โดยคาดว่าน่าจะสามารถจับภาพรถคันดังกล่าวไว้ได้และยังไม่น่าจะถูกลบทิ้ง
วันนี้ (18 ก.ค.) ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 11.00 น. พ.ต.ท.ณัฐพงษ์ เกิดเอี่ยม พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. กล่าวถึงความคืบหน้ากรณี นายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง อายุ 50 ปี นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างหมื่นล้าน และประธานกลุ่มวิทยาตลาดทุน กิจการเพื่อสังคม (วตท.) รุ่นที่ 20 ที่เสียชีวิตปริศนา ว่า ก่อนหน้านี้ ได้มีการเรียกสอบปากคำ น.ส.กัญฐณา ศิวาธนพล แคดดี้ และพริตตี้ หลังทราบว่า เป็นบุคคลที่รับโอนหุ้นของนายชูวงษ์ แต่ น.ส.กัญฐณา ไม่สะดวก และขอเลื่อนเป็นวันนี้แทน อย่างไรก็ตาม พนักงานสอบสวนได้พยายามติดต่อกลับไปเพื่อยืนยันเวลานัดหมาย แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้มา 3 วันแล้ว กระทั่งเมื่อเวลาประมาณ 10.30 น. ทนายของ น.ส.กัญฐณา ได้โทรศัพท์มาขอเลื่อนโดยยังไม่ได้ระบุวัน และเวลา แต่รับปากว่าวันที่ 21 - 22 กรกฎาคมนี้ จะเดินทางเข้ามาพบตน เพื่อทำหนังสือระบุวันให้ปากคำอย่างเป็นทางการ
พ.ต.ท.ณัฐพงษ์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องไปแล้ว 6 - 7 ราย ยังเหลือที่ต้องสอบปากคำเพิ่มเติมอีกไม่ต่ำกว่า 4 ราย ได้แก่ น.ส.กัญฐณา โบรกเกอร์บริษัทอีก 1 ราย และหญิงสาวอีก 2 ราย โดยหนึ่งในนั้นมีชื่อเป็นผู้รับโอนหุ้นมูลค่า 40 - 80 ล้านบาท ซึ่งเป็นในส่วนของหุ้นที่ นางวันเพ็ญ ธนธรรมศิริ อายุ 54 ปี พี่สาวนายชูวงษ์ นายกันต์ อายุ 22 ปี ลูกชายนายชูวงษ์ พร้อมทนายเดินทางเข้าแจ้งความเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม คาดว่า การสอบปากคำบุคคลดังกล่าวจะแล้วเสร็จภายในสัปดาห์หน้า
พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช ผกก.1 บก.ป. กล่าวว่า หลังจากที่ทางญาติได้เข้าร้องเรียนนั้น ทาง พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รักษาการ ผบก.ป. ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ประเสริฐ พัฒนาดี พ.ต.อ.ณษ เศวตเลข รอง ผบก.ป. เป็นผู้ดูในภาพรวมคดี และให้ทาง กก.1 บก.ป. รับผิดชอบสืบสวนสอบสวน ทั้งนี้ ในเบื้องต้นได้มอบหมายให้ทางพนักงานสอบทำการสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งตรวจสอบเอกสารหลักฐาน ซึ่งในส่วนประเด็นที่ครอบครัวนายชูวงษ์ สงสัยว่า มีการปลอมแปลงลายเซ็นในเอกสารการทำธุรกรรมโอนหุ้นนั้น เบื้องต้นอยู่ระหว่างการประสานขอเอกสารตัวจริงกับทางญาติที่มีลายเซ็นของนายชูวงษ์มาเปรียบเทียบกับเอกสารที่ทางครอบครัวนำมาให้ รวมทั้งส่งให้กองพิสูจน์หลักฐานทำการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง
ด้าน นายอเนก ทนายความ กล่าวว่า หลังจากวานนี้ทาง นางวันเพ็ญ ธนธรรมสิริ และ นายกันต์ แซ่ตั๊ง ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.อัคราเดช เพื่อให้ทางกองบังคับการปราบปรามช่วยคลี่คลายคดีนี้ ก็ได้นำเอกสารหลักฐานเพิ่มเติมให้กับทางพนักงานสอบสวนเพื่อตรวจสอบ เนื่องจากครอบครัวได้นำลายเซ็นการโอนหุ้นไปให้พนักงานในบริษัทตรวจสอบ ได้รับการยืนยันว่าไม่ใช่ลายเซ็นนายชูวงษ์แน่นอน อย่างไรก็ตาม ในรายละเอียดของลายเซ็นว่าจริงหรือเท็จ หรือเป็นของบุคคลใด ขอให้ตำรวจกองปราบช่วยตรวจสอบต่อไป
ทั้งนี้ มีรายงานข่าวว่า ในธุรกรรมการโอนหุ้นของนายชูวงษ์นั้น จากการตรวจสอบพบว่า มีการโอนหุ้นจำนวน 4 ตัว และทำธุรกรรม 2 ครั้ง มูลค่ารวมกว่า 300 ล้านบาท โดยจำแนกเป็นการทำธุรกรรมครั้งที่ 1 ผู้ตายได้เซ็นเอกสารในวันที่ 5 มิ.ย. ซึ่งตรงกับวันศุกร์ และมีผลการโอนในวันจันทร์ที่ 8 มิ.ย. ซึ่งเป็นการโอนหุ้น 3 ตัว ในกลุ่มธุรกิจธนาคาร, หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และหุ้นกลุ่มพลังงาน มูลค่ากว่า 40 ล้าน ไปให้กับหญิงที่เป็นโบรกเกอร์ ทั้งนี้ ในระหว่างวันที่ 9 - 14 มิ.ย. ผู้ตายได้เดินทางไปต่างประเทศ และการทำธุรกรรมครั้งที่ 2 ผู้ตายได้เซ็นเอกสารในวันที่ 19 มิ.ย. ซึ่งตรงกับวันศุกร์ และมีผลการโอน ในวันจันทร์ที่ 22 มิ.ย. ซึ่งเป็นการโอนหุ้นอีเอ ในกลุ่ม บ.พลังงาน จำกัด จำนวน 9.5 ล้านหุ้น มูลค่ากว่า 228 ล้านบาท ให้กับ น.ส.กัญฐณา ศิวาธนพล แต่ปรากฏว่าในวันที่ 23 - 24 มิ.ย. มีการเทขายหุ้นตัวดังกล่าวออกไป
ต่อมาหลังจากการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ ทางบริษัทโบรกเกอร์ได้ส่งเอกสารรายงานการซื้อขายประจำเดือนมาให้ในวันที่ 30 มิ.ย. ทำให้ญาติทราบว่ามีการหายไปของหุ้นที่นายชูวงษ์ครอบครอง อย่างไรก็ตาม ในกรณีการโอนหุ้นนั้น ทางครอบครัวนายชูวงษ์ตั้งข้อสังเกตว่า หุ้นทั้งสามตัวที่มีการโอนครั้งแรกนั้นเป็นหุ้นที่ผู้ตายเคยบอกกับญาติว่าเป็นหุ้นที่จะไม่มีการโอนขาย ประกอบกับบุคคลที่ได้รับหุ้นเป็นบุคคลที่ทางญาติไม่รู้จักมาก่อน
สำหรับ น.ส.กัญฐณา เป็นแคดดี้ที่สนามกอล์ฟแห่งหนึ่งที่ นายชูวงษ์ และ พ.ต.ท.บรรยิน ไปตีกอล์ฟกันเป็นประจำ สำหรับ น.ส.กัญฐณา จัดเป็นหญิงสาวสวยหน้าตาดี นอกจากทำงานที่สนามกอล์ฟแล้ว ยังรับงานอีเวนต์เป็นพริตตี้สาวตามงานอีเวนต์ต่าง ๆ นอกจากนี้ ยังพบข้อมูลว่า น.ส.กัญฐณา มีความสนิทสนมกับนายชูวงษ์เป็นอย่างมาก ส่วนประเด็นที่ว่า น.ส.กัญฐณา มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับ พ.ต.ท.บรรยิน หรือไม่ อยู่ระหว่างการตรวจสอบ
ทั้งนี้ ยังพบข้อมูลว่าหญิงสาวรายนี้มีการเปลี่ยนชื่อเสียงเรียงนามมาแล้ว 5 ครั้ง เป็นการเปลี่ยนชื่อ 3 ครั้ง นามสกุล 2 ครั้ง โดยชื่อเดิมปรากฏชื่อ น.ส.ศรัญญา ก้านเหลือง แล้วเปลี่ยนมาเป็น น.ส.อภิชา ก้านเหลือง เมื่อปี พ.ศ. 2553 จากนั้นในปี พ.ศ. 2556 ได้มีการเปลี่ยนชื่อนามสกุลอีกครั้งเป็น น.ส.อภิชา ศิวาธนพล ก่อนที่ต่อมาเมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2558 จะมีการเปลี่ยนชื่ออีกครั้งเป็น น.ส.กัญฐณา ศิวาธนพล ซึ่งเป็นชื่อที่ใช้ในปัจจุบัน
นอกจากนี้ รายงานข่าวว่า เมื่อช่วงบ่ายของวันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบได้เดินทางไปสนามกอล์ฟเลควูด คันทรี คลับ ถนนบางนา-ตราด กม. 18 เพื่อสอบปากคำพนักงานที่เห็นนายชูวงษ์ และ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีต ส.ส.นครสวรรค์ และอดีต รมช.พาณิชย์ เป็นคนสุดท้าย เนื่องจากสถานที่ดังกล่าวเป็นสถานที่สุดท้ายที่ทั้งสองนัดเจอกันก่อนที่ขับรถยนต์ออกมาประสบอุบัติเหตุจนเป็นเหตุให้นายชูวงษ์ เสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เคยไปสอบปากคำพนักงานรวมถึงแคดดี้ที่อยู่ในเหตุการณ์ที่สนามกอล์ฟดังกล่าวไปแล้วครั้งหนึ่ง ทำให้ทราบข้อมูลว่า ในวันเกิดเหตุนายชูวงษ์ และ พ.ต.ท.บรรยิน ไม่ได้เล่นกอล์ฟกับกลุ่มเพื่อนอีก 6 คน เนื่องจากนายชูวงษ์ไม่ได้นำถุงกอล์ฟและอุปกรณ์การเล่นมา จึงต้องให้คนขับรถของนายชูวงษ์กลับไปนำอุปกรณ์มาให้ที่สนาม ซึ่งกว่าคนขับรถจะกลับมา เพื่อน ๆ ก็เล่นกันไปหลายเกมแล้ว นายชูวงษ์จึงตัดสินใจสั่งไวน์มาดื่มกับ พ.ต.ท.บรรยิน ที่คลับของสนามกอล์ฟแทน อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณใกล้เคียงกับสนามกอล์ฟ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ก่อนเกิดเหตุ เพื่อคำนวณเวลาก่อนนำไปประมวลวิเคราะห์ถึงความน่าจะเป็นของเหตุการณ์ต่อไป
วันเดียวกัน เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ สน.อุดมสุข ร.ต.ท.บุญเลิศ อู่ผลเจริญ พนักงานสอบสวน สน.อุดมสุข กล่าวว่า ขณะนี้มีคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้ตรวจสอบรายละเอียดในส่วนของตัวรถที่เกิดอุบัติเหตุ ว่าเป็นรถนำเข้า หรือประกอบในประเทศ และเพราะเหตุใดขณะเกิดอุบัติเหตุถุงลมนิรภัยถึงไม่ทำงาน โดยเบื้องต้นทราบว่ารถคันดังกล่าวได้ถูก พ.ต.ท.บรรยิน ซื้อมาในสภาพมือสอง ในนามของบริษัท บีดับบลิวบี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทของภรรยา แต่ยังไม่ทราบว่าซื้อมาจากที่ใด สำหรับผลการตรวจจากกองพิสูจน์หลักฐาน คาดว่า จะทราบผลในอีก 10 วันข้างหน้า และผลจากนิติเวชคาดว่าภายในสัปดาห์หน้าจะทราบเรื่องเช่นกัน สำหรับผลจากแพทย์ รพ.สิรินธร ระบุเบื้องต้นว่า บริเวณท้องของผู้เสียชีวิตไม่ได้รับการกระทบกระเทือน และไม่มีร่องรอยอาการบาดเจ็บใด ๆ ซึ่งตั้งแต่ช่วงลำคอถึงศีรษะนั้น ทางแพทย์ยังไม่ลงความเห็น เนื่องจากไม่ได้เอกซเรย์ อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องให้ทางนิติเวช รพ.ตำรวจ ตรวจสอบอย่างละเอียดและลงความเห็นอีกครั้งหนึ่ง
ด้าน พ.ต.ท.เนติ วงษ์กุหลาบ รอง ผกก.สส.สน.อุดมสุข กล่าวว่า หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิด และสอบถามพยานแวดล้อมทราบว่า พ.ต.ท.บรรยิน และ นายชูวงษ์ ได้เดินทางจากสนามกอล์ฟ โดยใช้รถยนต์คันดังกล่าว ในช่วงเวลาประมาณ 21.00 น. ซึ่งระยะทางตั้งแต่สนามกอล์ฟจนถึงที่เกิดเหตุเป็นระยะทางประมาณ 21 กิโลเมตร ส่วนเวลาเดินทางคาดว่าอยู่ที่ประมาณ 30 นาที ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับความเร็วของรถ รวมทั้งสภาพการจราจรในช่วงเวลาดังกล่าวด้วย ในส่วนของภาพจากวงจรปิดตามเส้นทาง สามารถบันทึกภาพเก็บไว้ได้เพียง 7 วัน และจะถูกลบทิ้งโดยอัตโนมัติ ขณะนี้สามารถดูย้อนหลังได้ถึงแค่วันที่ 1 ก.ค. เท่านั้น ซึ่งต้องขอภาพกล้องวงจรปิดจากทางภาคเอกชน โดยคาดว่าน่าจะสามารถจับภาพรถคันดังกล่าวไว้ได้และยังไม่น่าจะถูกลบทิ้ง