“ศรีวราห์” ยังเชื่อคดีเสี่ยรับเหมาเป็นอุบัติเหตุ ชี้ต้องแยกปมโอนหุ้นออกจากฆ่าอำพราง

ASTVผู้จัดการ - “ศรีวราห์” ยังเชื่อคดีเสี่ยรับเหมาก่อสร้างหมื่นล้านเป็นอุบัติเหตุจากผลพิสูจน์ของแพทย์ยันกระดูกต้นคอหัก ชี้ปมโอนหุ้นก่อนตาย 4 วันมูลค่ากว่า 200 ล้านต้องแยกออกจากประเด็นญาติสงสัยฆ่าอำพราง เตรียมเรียกตัว “บรรยิน” มาสอบเพิ่ม ขณะที่กล้องวงจรปิดวันเกิดเหตุข้อมูลถูกทับไปแล้ว

จากกรณีที่นายชูวงษ์ แซ่ตั้ง อายุ 50 ปี นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างหมื่นล้าน และประธานกลุ่มวิทยาตลาดทุน กิจการเพื่อสังคม (วตท.) รุ่นที่ 20 ประสบอุบติเหตุทางรถยนต์เสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำ ที่บริเวณซอยเฉลิมพระเกียรติ 48-50 แขวงหนองบอน เขตประเวศ กทม. โดยมี พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีต ส.ส.นครสวรรค์ และอดีต รมช.พาณิชย์ เป็นคนขับรถเลกซัสสีดำ ทะเบียน ภฉ 1889 กรุงเทพมหานคร ออกจากสนามกอล์ฟเลควูด คันทรี คลับ ถนนบางนา-ตราด กม.18 ไปส่งที่บ้านพัก เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.ที่ผ่านมา และต่อมาญาติได้เข้าร้องเรียนต่อ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. เพื่อให้สอบสวนรื้อฟื้นคดีขึ้นมาใหม่เนื่องจากยังติดใจการเสียชีวิตในหลายประเด็น ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าวันนี้ (16 ก.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น.กล่าวว่า เบื้องต้นได้สั่งการให้สอบนิติวิทยาศาสตร์ให้ชัดเจน เพราะตนเป็นผู้ดูแลเรื่องสำนวนคดีเอง และได้เรียกสำนวนคดีจาก สน.อุดมสุขมาตรวจสอบ เบื้องต้นจากการดูสำนวนคดีและจากผลนิติวิทยาศาตร์ ยังไม่พบพิรุธสาเหตุการตายยังน่าเชื่อว่าเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ เพราะแพทย์ยืนยันว่าเสียชีวิตจากกระดูกต้นคอหัก ส่วนสาเหตุการหักก็ต้องทำการสอบสวนใหม่ให้ละเอียดอีกครั้ง และต้องไปสอบสวนญาติผู้ตายอีกว่าติดใจสงสัยประเด็นอะไรบ้าง แต่ตอนนี้ญาติยังไม่ได้มาพบ ก็เอาข้อมูลที่สงสัยไปสอบถามทางนิติวิทยาศาสตร์ ซึ่งก็ต้องไปสอบปากคำทางญาติผู้ตายเพิ่มเติม ทั้งนี้ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ชาญเทพ เสสะเวช รอง ผบช.น.เป็นผู้รับผิดชอบในเรื่องการสืบสวนคลี่คลายคดี คาดว่าต้องใช้เวลาสืบสวนสอบสวนสาเหตุการตายสักระยะ

ด้านผู้สื่อข่าวถามว่า มีการตั้งข้อสงสัยการเสียชีวิตเป็น 2 ประเด็น การตายแบบผิดธรรมชาติ และการโอนหุ้นหรือไม่ พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า โอนหุ้นมันต้องต้องดูอีกเพราะมันคนละเรื่องกับการตาย ถ้าผู้ตายโอนหุ้นไปเพื่อหลบเลี่ยงกฎหมายก็ถือว่ามีความผิดก็ต้องดำเนินคดีไปอีกส่วนหนึ่ง ต้องถามว่าคนตายโอนหุ้นไปเพราะเหตุใด สุดท้ายพอทำสำนวนขึ้นมา ผู้ตายและญาติผู้ตายอาจถูกดำเนินคดีทางแพ่งได้ เพราะโอนหุ้นแยกออกไป 200 กว่าล้านบาท มันต้องมีวัตถุประสงค์อย่างใดอย่างหนึ่ง หากสอบสวนพบว่ามีความผิดคือโอนหุ้นไปโดยเท็จ ตาม พ.ร.บ.หุ้น ก็ต้องดำเนินดคีกับคนตายอีก

ด้าน พล.ต.ต.ชาญเทพกล่าวว่า อยู่ระหว่างดำเนินการสืบสวนในเรื่องการเสียชีวิตว่าเสียชีวิตจากการเกิดอุบัติเหตุ หรือสาเหตุอื่น ต้องเชิญตัว พ.ต.ท.บรรยินมาสอบสวนเพิ่มเติมเพราะเขาเป็นผู้ขับขี่รถ ตอนนี้ก็โดนแจ้งข้อหาไปแล้ว คือ ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ส่วนจะเป็นการฆาตกรรมหรือไม่อยู่ระหว่างการตรวจสอบ ส่วนเรื่องที่ญาติมีข้อสงสัยเรื่องประเด็นการโอนหุ้นให้หญิงสาว 2 ราย ญาติได้ไปร้องเรียนที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ซึ่ง บก.ป.ก็จะสอบสวนข้อเท็จจริงในเรื่องการโอนหุ้นโดยในวันพรุ่งนี้ (17 มิ.ย.) เวลา 14.00 น. ตนจะเดินทางไปประชุมคลี่คลายคดีดังกล่าวกับชุดสืบสวนที่ สน.อุดมสุข ต่อไป

ทั้งนี้ มีรายงานว่า ในวันนี้ (16 ก.ค.) เวลา 16.00 น. พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา ผบก.สส.บช.น.จะเดินทางไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุเพื่อนำหลักฐานมาร่วมคลี่คลายคดีด้วย

รายงานข่าวแจ้งว่า จากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดในวันเกิดเหตุที่สนามกอล์ฟเลควูด คันทรี คลับ ถนนบางนา-ตราด กม.18 พบว่า กล้องบันทึกภาพล่าสุดได้ถึงแค่วันที่ 1 ก.ค. ภาพวันเกิดเหตุวันที่ 26 มิ.ย. ถูกข้อมูลอื่นเขียนทับไปหมดแล้ว ส่วนภาพจากกล้องวงจรปิดตัวสุดท้ายก่อนที่รถจะเกิดอุบัติเหตุสามารถจับภาพรถของผู้ตายได้ในเวลา 21.57 น. ใกล้กับที่เกิดเหตุ ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่มีภาพที่รถเสียหลักประสบอุบัติเหตุตามที่ พ.ต.ท.บรรยินให้การไว้ในเบื้องต้น

ทั้งนี้ จากการสอบปากคำพยานระบุว่า ผู้ตายและพ.ต.ท.บรรยินไปที่สนามกอล์ฟเลควูดในวันเกิดเหตุจริง โดยทั้งสองคนไม่ได้มีการทะเลาะเบาะแว้งกัน ขณะที่เดินทางกลับก็ออกมาเพียง 2 คน ลักษณะของผู้ตายไม่มีท่าทีผิดปกติแต่อย่างใด ส่วนปัญหาที่ว่าน่าจะมีเงื่อนงำเพราะว่าผู้ตายมีการโอนหุ้นไปให้บุคคลหนึ่งซึ่งต้องไปสืบสวนว่าผู้ตายมีความสนิทสนมกับบุคคลดังกล่าวอย่างไร