นายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานข่าวสหภาพยุโรป หรือ อียู คว่ำบาตรไทยนั้น ยืนยันว่า มติของคณะมนตรีสหภาพยุโรปเมื่อปี 2557 เป็นการระงับการเยือนอย่างเป็นทางการในระดับการเมืองเท่านั้น ไม่ใช่การตัดความสัมพันธ์กับไทยในทุกด้าน ซึ่ง 1 ปีที่ผ่านมา ยังมีการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างทั้งสองฝ่ายในระดับต่างๆ และไม่ส่งผลกระทบต่อการค้าการลงทุนระหว่างไทยกับสหภาพยุโรป
ทั้งนี้กระทรวงการต่างประเทศชี้แจงถึงบทความซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับสถานะปัจจุบันของความสัมพันธ์ระหว่างไทยและสหภาพยุโรป (European Union – EU) ว่า ข้อมติของคณะมนตรีสหภาพยุโรป (The Council of the European Union) เมื่อปี 2557 เป็นเพียงการระงับการเยือนอย่างเป็นทางการในระดับการเมืองเท่านั้น มิใช่การตัดความสัมพันธ์กับไทยในทุก ๆ ด้าน รวมทั้ง มิใช่การระงับการเยือนไทยในทุก ๆ ระดับ ซึ่งในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ยังมีการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างทั้ง2 ฝ่ายในระดับต่าง ๆ ที่ไม่ใช่ระดับรัฐมนตรีหลายคณะอย่างต่อเนื่องและไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการค้าการลงทุนระหว่างไทยกับสหภาพยุโรป รวมทั้งความร่วมมืออื่น ๆ ที่มีอยู่ยังดำเนินดังเช่นปกติ อาทิ ความร่วมมือสาขาการศึกษาและวิทยาศาสตร์
ปัจจุบันความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างไทยและสหภาพยุโรปอยู่ในเกณฑ์ดีอย่างต่อเนื่องและการค้าการลงทุนระหว่างไทยกับสหภาพยุโรปไม่ได้รับผลกระทบจากข้อมติของคณะมนตรีสหภาพยุโรปข้างต้น โดยสหภาพยุโรปยังคงเป็นคู่ค้าสำคัญลำดับที่ 4 ของไทยเมื่อปี 2557 ไทยส่งออกไปสหภาพยุโรป มูลค่า 23,342 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และนำเข้าจากสหภาพยุโรป มูลค่า 19,459 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ด้านการลงทุน สหภาพยุโรปยังคงเป็นนักลงทุนโดยตรงอันดับที่ 2 ของไทย โดยระหว่างเดือน ม.ค. – ก.ย. 2557 สหภาพยุโรปลงทุนสุทธิโดยตรงในไทยมูลค่า 957 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ขณะที่ไทยลงทุนสุทธิในสหภาพยุโรปเพิ่มขึ้น 63.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และในช่วงเดือน ม.ค. – พ.ค. 2558 นักท่องเที่ยวจากยุโรปเดินทางมาไทยประมาณ 2.5 ล้านคน
อนึ่ง เมื่อวันอังคารที่ 14 กรกฎาคม 2558 คณะผู้แทนสหภาพยุโรปประจำประเทศไทยได้ชี้แจงในหน้าเฟซบุ๊ค “European Union in Thailand” ว่า ตามที่มีรายงานข่าวว่าสหภาพยุโรปได้คว่ำบาตรไทยนั้น คณะผู้แทนสหภาพยุโรปฯ ขอชี้แจงว่าไม่เป็นความจริงและเข้าใจว่ารายงานดังกล่าวอ้างถึงผลสรุปการประชุมคณะมนตรีสหภาพยุโรปที่รับรองเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2557 และยังไม่มีการออกผลสรุปใหม่ใด ๆ นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ทั้งนี้กระทรวงการต่างประเทศชี้แจงถึงบทความซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับสถานะปัจจุบันของความสัมพันธ์ระหว่างไทยและสหภาพยุโรป (European Union – EU) ว่า ข้อมติของคณะมนตรีสหภาพยุโรป (The Council of the European Union) เมื่อปี 2557 เป็นเพียงการระงับการเยือนอย่างเป็นทางการในระดับการเมืองเท่านั้น มิใช่การตัดความสัมพันธ์กับไทยในทุก ๆ ด้าน รวมทั้ง มิใช่การระงับการเยือนไทยในทุก ๆ ระดับ ซึ่งในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ยังมีการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างทั้ง2 ฝ่ายในระดับต่าง ๆ ที่ไม่ใช่ระดับรัฐมนตรีหลายคณะอย่างต่อเนื่องและไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการค้าการลงทุนระหว่างไทยกับสหภาพยุโรป รวมทั้งความร่วมมืออื่น ๆ ที่มีอยู่ยังดำเนินดังเช่นปกติ อาทิ ความร่วมมือสาขาการศึกษาและวิทยาศาสตร์
ปัจจุบันความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างไทยและสหภาพยุโรปอยู่ในเกณฑ์ดีอย่างต่อเนื่องและการค้าการลงทุนระหว่างไทยกับสหภาพยุโรปไม่ได้รับผลกระทบจากข้อมติของคณะมนตรีสหภาพยุโรปข้างต้น โดยสหภาพยุโรปยังคงเป็นคู่ค้าสำคัญลำดับที่ 4 ของไทยเมื่อปี 2557 ไทยส่งออกไปสหภาพยุโรป มูลค่า 23,342 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และนำเข้าจากสหภาพยุโรป มูลค่า 19,459 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ด้านการลงทุน สหภาพยุโรปยังคงเป็นนักลงทุนโดยตรงอันดับที่ 2 ของไทย โดยระหว่างเดือน ม.ค. – ก.ย. 2557 สหภาพยุโรปลงทุนสุทธิโดยตรงในไทยมูลค่า 957 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ขณะที่ไทยลงทุนสุทธิในสหภาพยุโรปเพิ่มขึ้น 63.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และในช่วงเดือน ม.ค. – พ.ค. 2558 นักท่องเที่ยวจากยุโรปเดินทางมาไทยประมาณ 2.5 ล้านคน
อนึ่ง เมื่อวันอังคารที่ 14 กรกฎาคม 2558 คณะผู้แทนสหภาพยุโรปประจำประเทศไทยได้ชี้แจงในหน้าเฟซบุ๊ค “European Union in Thailand” ว่า ตามที่มีรายงานข่าวว่าสหภาพยุโรปได้คว่ำบาตรไทยนั้น คณะผู้แทนสหภาพยุโรปฯ ขอชี้แจงว่าไม่เป็นความจริงและเข้าใจว่ารายงานดังกล่าวอ้างถึงผลสรุปการประชุมคณะมนตรีสหภาพยุโรปที่รับรองเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2557 และยังไม่มีการออกผลสรุปใหม่ใด ๆ นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
