นายสุทัศน์ เศรษฐบุญสร้าง รองประธานคณะกรรมาธิการปฏิรูปเศรษฐกิจ การเงิน การคลัง สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) กล่าวระหว่างงานสัมมนา "ปฏิรูปเศรษฐกิจไทยสู่ประเทศพัฒนาแล้ว" ว่า จากปัญหาไทยขาดยุทธศาสตร์ร่วมชาติ โครงสร้างพื้นฐานด้านกายภาพไม่พร้อม ประสิทธิภาพแรงงานต่ำ การเมืองไม่แน่นอน การขาดเอกภาพและความชัดเจนในการดำเนินนโยบายด้านต่าง ๆ หากยังมีปัญหาเรื้อรัง และยังไม่มียุทธศาสตร์ชาติที่ชัดเจนในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ อาจทำให้เศรษฐกิจของไทยจากอันดับ 2 ของอาเซียนตกไปอยู่อันดับ 4 ในปี 2020 โดย IMF คาดว่าร้อยละ 45 ของความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจโลกใน 5 ปีข้างหน้านี้ มาจากประเทศในเอเซีย ทำให้ปี 2020 เศรษฐกิจของเอเซียจะมีสัดส่วนถึงร้อยละ 38 ของผลผลิตมวลรวมของโลก (Global GDP) จึงเกิดความสมดุลในโลกมากขึ้น เพราะจะทำให้คนในเอเซียมีสัดส่วนถึงกว่าร้อยละ 60 ของประชากรโลก หรือราว 4.2 พันล้านคน มีรายได้เฉลี่ยมากขึ้น
คณะกรรมาธิการเศรษฐกิจฯ สปช. จึงเสนอจัดทำเสนอยุทธศาสตร์ชาติไทย "ไทยเป็นประเทศพัฒนาแล้วภายในปี 2575" ตั้งเป้าหมาย ให้ประชาชนมีรายได้เฉลี่ย 40,000 บาทต่อเดือน ภายใต้จีดีพีขยายตัวร้อยละ 6.5 ต่อปี ในช่วงระยะเวลา 10 ปีหน้า ขณะที่กลุ่มรายได้น้อยสุดร้อยละ 10 ต้องมีรายได้เฉลี่ย 15,000 บาทต่อเดือน เพิ่มจาก 4,000 บาทต่อเดือน ประชาชนทุกคนเข้าถึงสาธารณูปโภคพื้นฐานทุกด้านและมั่นคงปลอดภัย สัดส่วนร้อยละ 90 ของประชากรมีความรู้ด้านการเงินและคอมพิวเตอร์พื้นฐาน ไทยกลายเป็นศูนย์กลางธุรกิจในภูมิภาคเอเซียน การลดการฉ้อราษฎร์บังหลวงให้ลดน้อยลง ความสามารถในการแข่งขันของประเทศอยู่ใน 10 อันดับแรกของโลก
นอกจากนี้ ยังกำหนดยุทธศาสตร์รายสาขา แบ่งเป็น 3 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ กลุ่มมั่นคง มี 4 อุตสาหกรรม คือ อาหาร พลังงาน การเงิน และคมนาคม กลุ่มมั่งคั่ง มี 7 อุตสาหกรรม คือ การค้า ท่องเที่ยว ก่อสร้าง ลอจิสติกส์และขนส่ง ยานยนต์ อสังหาริมทรัพย์แบะอิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มเปลี่ยนผ่าน มี 3 อุตสาหกรรม คือ สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม เหล็กและเคมี จะต้องมีความชัดเจนในการปรับเปลี่ยนเพื่อสู้กับตลาดโลกได้ รวมทั้งจัดทำยุทธศาสตร์อาเซียนและการค้าชายแดน เพื่อส่งเสริมการค้าไทยกับอาเซี่ยนจากเดิมมีสัดส่วนเกือบร้อยละ 25 เป็นกลุ่มใหญ่ที่สุดและในอนาคตจะเพิ่มขึ้นถ้า จีน ญี่ปุ่น เกาหลีมีกิจกรรมกับเอเซียใต้มากขึ้นสินค้าผ่านแดน จะเพิ่มสูงยิ่งขึ้น ไทยจึงจำเป็นต้องมียุทธศาตร์การค้าชายแดน เพื่อสร้างแผนยุทธศาสตร์ 20 ปีข้างหน้า โดยปรับทุก 5 ปี
สำหรับโครงสร้างบริหาร เสนอการตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ประกอบด้วยผู้แทนจากภาคส่วนต่าง ๆ ไม่เกิน 40 คน คณะกรรมการบริหาร ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ ไม่เกิน 25 คน ประธานสถาบัน มีหน้าที่ดูแลการดำเนินการของสถาบัน มีพนักงานที่มีความรู้ความสามารถระดับนานาชาติและได้รับผลตอบแทนที่เหมาะสม
คณะกรรมาธิการเศรษฐกิจฯ สปช. จึงเสนอจัดทำเสนอยุทธศาสตร์ชาติไทย "ไทยเป็นประเทศพัฒนาแล้วภายในปี 2575" ตั้งเป้าหมาย ให้ประชาชนมีรายได้เฉลี่ย 40,000 บาทต่อเดือน ภายใต้จีดีพีขยายตัวร้อยละ 6.5 ต่อปี ในช่วงระยะเวลา 10 ปีหน้า ขณะที่กลุ่มรายได้น้อยสุดร้อยละ 10 ต้องมีรายได้เฉลี่ย 15,000 บาทต่อเดือน เพิ่มจาก 4,000 บาทต่อเดือน ประชาชนทุกคนเข้าถึงสาธารณูปโภคพื้นฐานทุกด้านและมั่นคงปลอดภัย สัดส่วนร้อยละ 90 ของประชากรมีความรู้ด้านการเงินและคอมพิวเตอร์พื้นฐาน ไทยกลายเป็นศูนย์กลางธุรกิจในภูมิภาคเอเซียน การลดการฉ้อราษฎร์บังหลวงให้ลดน้อยลง ความสามารถในการแข่งขันของประเทศอยู่ใน 10 อันดับแรกของโลก
นอกจากนี้ ยังกำหนดยุทธศาสตร์รายสาขา แบ่งเป็น 3 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ กลุ่มมั่นคง มี 4 อุตสาหกรรม คือ อาหาร พลังงาน การเงิน และคมนาคม กลุ่มมั่งคั่ง มี 7 อุตสาหกรรม คือ การค้า ท่องเที่ยว ก่อสร้าง ลอจิสติกส์และขนส่ง ยานยนต์ อสังหาริมทรัพย์แบะอิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มเปลี่ยนผ่าน มี 3 อุตสาหกรรม คือ สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม เหล็กและเคมี จะต้องมีความชัดเจนในการปรับเปลี่ยนเพื่อสู้กับตลาดโลกได้ รวมทั้งจัดทำยุทธศาสตร์อาเซียนและการค้าชายแดน เพื่อส่งเสริมการค้าไทยกับอาเซี่ยนจากเดิมมีสัดส่วนเกือบร้อยละ 25 เป็นกลุ่มใหญ่ที่สุดและในอนาคตจะเพิ่มขึ้นถ้า จีน ญี่ปุ่น เกาหลีมีกิจกรรมกับเอเซียใต้มากขึ้นสินค้าผ่านแดน จะเพิ่มสูงยิ่งขึ้น ไทยจึงจำเป็นต้องมียุทธศาตร์การค้าชายแดน เพื่อสร้างแผนยุทธศาสตร์ 20 ปีข้างหน้า โดยปรับทุก 5 ปี
สำหรับโครงสร้างบริหาร เสนอการตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ประกอบด้วยผู้แทนจากภาคส่วนต่าง ๆ ไม่เกิน 40 คน คณะกรรมการบริหาร ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ ไม่เกิน 25 คน ประธานสถาบัน มีหน้าที่ดูแลการดำเนินการของสถาบัน มีพนักงานที่มีความรู้ความสามารถระดับนานาชาติและได้รับผลตอบแทนที่เหมาะสม