ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดการซื้อขายวันที่ 6 ก.ค. ในแดนลบ โดยดัชนีดาวโจนส์ลดลง 46.53 จุด หรือ 0.26% ปิดที่ 17,683.58 จุด ส่วนดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 8.02 จุด หรือ 0.39% ปิดที่ 2,068.76 จุด ขณะที่ดัชนีแนสแด็กลดลง 17.27 จุด หรือ 0.34% ปิดที่ 4,991.94 จุด
หุ้นสหรัฐฯ ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นในยุโรป หลังจากชาวกรีซกว่า 61% โหวตประชามติเมื่อวันอาทิตย์ ไม่ยอมรับเงื่อนไขขอเงินช่วยเหลือที่เสนอโดยเจ้าหนี้ ซึ่งจะทำให้กรีซต้องรัดเข็มขัดเพิ่มขึ้นอีก ทำให้ความวิตกว่ากรีซอาจจะต้องออกจากกลุ่มยูโรโซนเพิ่มสูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม นายฟรองซัวส์ โอลลองด์ ประธานาธิบดีฝรั่งเศส และนาง อันเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี แถลงร่วมกันว่า ประตูสำหรับการเจรจาเรื่องหนี้ของกรีซยังเปิดอยู่ แต่นายกรัฐมนตรีอเล็กซิส ซีปราส ต้องยื่นข้อเสนอที่จริงจังและเชื่อถือได้
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างซบเซา เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับอนาคตของกรีซในยูโรโซน หลังจากผลการลงประชามติระบุว่า ชาวกรีซมากกว่า 60% คัดค้านมาตรการรัดเข็มขัดจากทางเจ้าหนี้ ส่งผลให้กรีซมีความเสี่ยงที่จะไม่ได้รับความช่วยเหลือทางการเงิน ซึ่งอาจทำให้กรีซประสบภาวะล้มละลาย และต้องออกจากยูโรโซน
กรีซมีกำหนดที่จะต้องชำระหนี้แก่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) อีก 3.5 พันล้านยูโร หรือ 3.9 พันล้านดอลลาร์ในวันที่ 20 ก.ค.นี้ ซึ่งสื่อต่างประเทศมองว่า หากกรีซผิดนัดชำระหนี้ครั้งนี้ ก็อาจทำให้ ECB ยกเลิกการจัดสรรวงเงินช่วยเหลือฉุกเฉิน หรือ Emergency Liquidity Assistance (ELA) แก่ภาคธนาคารของกรีซ
ตลาดจับตาดูนายอเล็กซิส ซิปราส นายกรัฐมนตรีกรีซ จะยื่นข้อเสนอใหม่ของรัฐบาลกรีซเข้าสู่ที่ประชุมสุดยอดสหภาพยุโรป (EU) ในวันนี้ ที่กรุงบรัสเซลส์ หลังจากที่นายซิปราสได้เจรจาทางโทรศัพท์กับนางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี เมื่อวานนี้
นอกเหนือจากวิกฤตหนี้กรีซแล้ว ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซาของสหรัฐ โดยมาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทสำรวจข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ขั้นสุดท้ายสำหรับภาคบริการของสหรัฐ ร่วงลงสู่ระดับ 54.8 ในเดือนมิ.ย. ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 56.7
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 4 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (6 ก.ค.) หลังจากผลประชามติของกรีซระบุว่า ชาวกรีซตัดสินใจโหวต 'No' เพื่อคัดค้านเงื่อนไขของเจ้าหนี้ที่กำหนดให้รัฐบาลกรีซรัดเข็มขัดเพื่อแลกกับความช่วยเหลือด้านการเงิน
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค.ร่วงลง 4.4 ดอลลาร์ ปิดที่ 52.53 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนส.ค.ที่ตลาดลอนดอน ลดลง 3.78 ดอลลาร์ ปิดที่ 56.54 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (6 ก.ค.) เนื่องจากวิกฤตหนี้สินและความไม่แน่นอนของกรีซในยูโรโซน ได้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 9.7 ดอลลาร์ หรือ 0.83% ปิดที่ระดับ 1,173.20 ดอลลาร์/ออนซ์
นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาทองคำเพื่อความปลอดภัย หลังจากผลการลงประชามติระบุว่า ชาวกรีซมากกว่า 60% คัดค้านมาตรการรัดเข็มขัดจากทางเจ้าหนี้ ส่งผลให้กรีซมีความเสี่ยงที่จะไม่ได้รับความช่วยเหลือทางการเงิน ซึ่งอาจทำให้กรีซประสบภาวะล้มละลาย และต้องออกจากยูโรโซน
หุ้นสหรัฐฯ ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นในยุโรป หลังจากชาวกรีซกว่า 61% โหวตประชามติเมื่อวันอาทิตย์ ไม่ยอมรับเงื่อนไขขอเงินช่วยเหลือที่เสนอโดยเจ้าหนี้ ซึ่งจะทำให้กรีซต้องรัดเข็มขัดเพิ่มขึ้นอีก ทำให้ความวิตกว่ากรีซอาจจะต้องออกจากกลุ่มยูโรโซนเพิ่มสูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม นายฟรองซัวส์ โอลลองด์ ประธานาธิบดีฝรั่งเศส และนาง อันเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี แถลงร่วมกันว่า ประตูสำหรับการเจรจาเรื่องหนี้ของกรีซยังเปิดอยู่ แต่นายกรัฐมนตรีอเล็กซิส ซีปราส ต้องยื่นข้อเสนอที่จริงจังและเชื่อถือได้
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างซบเซา เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับอนาคตของกรีซในยูโรโซน หลังจากผลการลงประชามติระบุว่า ชาวกรีซมากกว่า 60% คัดค้านมาตรการรัดเข็มขัดจากทางเจ้าหนี้ ส่งผลให้กรีซมีความเสี่ยงที่จะไม่ได้รับความช่วยเหลือทางการเงิน ซึ่งอาจทำให้กรีซประสบภาวะล้มละลาย และต้องออกจากยูโรโซน
กรีซมีกำหนดที่จะต้องชำระหนี้แก่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) อีก 3.5 พันล้านยูโร หรือ 3.9 พันล้านดอลลาร์ในวันที่ 20 ก.ค.นี้ ซึ่งสื่อต่างประเทศมองว่า หากกรีซผิดนัดชำระหนี้ครั้งนี้ ก็อาจทำให้ ECB ยกเลิกการจัดสรรวงเงินช่วยเหลือฉุกเฉิน หรือ Emergency Liquidity Assistance (ELA) แก่ภาคธนาคารของกรีซ
ตลาดจับตาดูนายอเล็กซิส ซิปราส นายกรัฐมนตรีกรีซ จะยื่นข้อเสนอใหม่ของรัฐบาลกรีซเข้าสู่ที่ประชุมสุดยอดสหภาพยุโรป (EU) ในวันนี้ ที่กรุงบรัสเซลส์ หลังจากที่นายซิปราสได้เจรจาทางโทรศัพท์กับนางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี เมื่อวานนี้
นอกเหนือจากวิกฤตหนี้กรีซแล้ว ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซาของสหรัฐ โดยมาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทสำรวจข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ขั้นสุดท้ายสำหรับภาคบริการของสหรัฐ ร่วงลงสู่ระดับ 54.8 ในเดือนมิ.ย. ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 56.7
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 4 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (6 ก.ค.) หลังจากผลประชามติของกรีซระบุว่า ชาวกรีซตัดสินใจโหวต 'No' เพื่อคัดค้านเงื่อนไขของเจ้าหนี้ที่กำหนดให้รัฐบาลกรีซรัดเข็มขัดเพื่อแลกกับความช่วยเหลือด้านการเงิน
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค.ร่วงลง 4.4 ดอลลาร์ ปิดที่ 52.53 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนส.ค.ที่ตลาดลอนดอน ลดลง 3.78 ดอลลาร์ ปิดที่ 56.54 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (6 ก.ค.) เนื่องจากวิกฤตหนี้สินและความไม่แน่นอนของกรีซในยูโรโซน ได้กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.เพิ่มขึ้น 9.7 ดอลลาร์ หรือ 0.83% ปิดที่ระดับ 1,173.20 ดอลลาร์/ออนซ์
นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาทองคำเพื่อความปลอดภัย หลังจากผลการลงประชามติระบุว่า ชาวกรีซมากกว่า 60% คัดค้านมาตรการรัดเข็มขัดจากทางเจ้าหนี้ ส่งผลให้กรีซมีความเสี่ยงที่จะไม่ได้รับความช่วยเหลือทางการเงิน ซึ่งอาจทำให้กรีซประสบภาวะล้มละลาย และต้องออกจากยูโรโซน