พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีโครงการชลประทานที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ส่งมอบให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ไปดูแล จำนวน 3,000 โครงการ ซึ่งเป็นโครงการสร้างอ่างเก็บน้ำขนาดเล็กกระจายในพื้นที่ทั่วประเทศ โดยมีเฉพาะส่วนที่เป็นหัวงานคืออ่าง แต่ยังขาดระบบส่งน้ำให้เกิดการกระจายการใช้ประโยชน์อย่างทั่วถึง ซึ่งในขณะนี้พบว่าโครงการทั้งหมดดังกล่าวไม่ได้มีการพัฒนาระบบส่งน้ำต่อยอด และหลายแห่งมีสภาพแห้งขอดตื้นเขิน ว่า แนวคิดที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ต้องการโอนโครงการทั้งหมดกลับมาดูแลเอง น่าจะเป็นแนวทางที่เหมาะสมที่สุด และดีต่อสถานการณ์ของประเทศ
ทั้งนี้ ข้อมูลเบื้องต้นจากกระทรวงเกษตและสหกรณ์ทราบว่า ได้มีการพูดคุยกับหลาย อปท.และมีความเห็นตรงกันว่า อยากให้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับกลับมาดูแล อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยังไม่มีการสอบสวนหาข้อเท็จจริงว่าเกิดจากสาเหตุใดบ้าง แต่เชื่อว่าส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะระบบงบประมาณของ อปท.ที่ต้องจัดสรรดูแลพี่น้องประชาชนในหลายมิติ และส่วนหนึ่งน่าจะมาจากประเด็นความเชี่ยวชาญและทักษะในการบริหารจัดการ
ดังนั้น การโอนคืนกลับมาให้ผู้ชำนาญการจริงๆ จึงไม่มีเหตุผลที่ใครจะต้องรู้สึกเสียหน้า และเชื่อว่าแนวทางนี้จะเป็นส่วนหนึ่งของการช่วยแก้ไขปัญหาวิกฤตน้ำของประเทศได้ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคตะวันออกและลุ่มน้ำเจ้าพระยาที่ยังอยู่ในช่วงเฝ้าระวังวิกฤตน้ำแล้ง
ทั้งนี้ ข้อมูลเบื้องต้นจากกระทรวงเกษตและสหกรณ์ทราบว่า ได้มีการพูดคุยกับหลาย อปท.และมีความเห็นตรงกันว่า อยากให้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับกลับมาดูแล อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยังไม่มีการสอบสวนหาข้อเท็จจริงว่าเกิดจากสาเหตุใดบ้าง แต่เชื่อว่าส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะระบบงบประมาณของ อปท.ที่ต้องจัดสรรดูแลพี่น้องประชาชนในหลายมิติ และส่วนหนึ่งน่าจะมาจากประเด็นความเชี่ยวชาญและทักษะในการบริหารจัดการ
ดังนั้น การโอนคืนกลับมาให้ผู้ชำนาญการจริงๆ จึงไม่มีเหตุผลที่ใครจะต้องรู้สึกเสียหน้า และเชื่อว่าแนวทางนี้จะเป็นส่วนหนึ่งของการช่วยแก้ไขปัญหาวิกฤตน้ำของประเทศได้ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคตะวันออกและลุ่มน้ำเจ้าพระยาที่ยังอยู่ในช่วงเฝ้าระวังวิกฤตน้ำแล้ง