นายแพทย์โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวภายหลังประชุมวอร์รูมเฝ้าระวังป้องกันควบคุมโรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง หรือ เมอร์ส ว่า ตามที่กระทรวงสาธารณสุขออกประกาศให้สถานพยาบาลทุกแห่งปฏิบัติเมื่อมีผู้ป่วยสงสัยต้องแจ้งกระทรวงสาธารณสุขทันที ห้ามปฏิเสธการรับผู้ป่วย และถ้าต้องส่งต่อเพื่อรักษาที่โรงพยาบาลอื่น ห้ามส่งผู้ป่วยเดินทางไปเองด้วยรถสาธารณะ ให้ส่งด้วยรถพยาบาลที่มีการป้องกันการติดเชื้อแล้วนั้น วันนี้ได้ออกประกาศเพิ่มเติมเป็นข้อปฏิบัติสำหรับประชาชนกรณีโรคเมอร์ส มีสาระสำคัญ คือ
ให้ผู้ป่วยหรือผู้ที่สงสัยว่าตนเองจะป่วย หรือผู้ที่สัมผัสกับผู้ป่วย ไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลโดยด่วนที่สุด เพื่อรับการตรวจหรือรับการรักษาในทางการแพทย์
ในกรณีที่มีการป่วยเกิดขึ้น หรือมีเหตุสงสัยว่าได้มีการป่วยเกิดขึ้นในบ้าน ให้เจ้าบ้านหรือผู้ควบคุมดูแลบ้าน แจ้งชื่อและที่อยู่ของตน ความสัมพันธ์กับผู้ป่วย ชื่อ อายุ และที่อยู่ของผู้ป่วย โรงพยาบาลหรือคลินิกที่ผู้ป่วยรับการรักษา วันที่เริ่มป่วย และอาการสำคัญของผู้ป่วย ให้แก่เจ้าพนักงานสาธารณสุขหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ ภายใน 24 ชั่วโมง นับแต่เริ่มมีการป่วยขึ้นหรือมีเหตุสงสัยว่าได้มีการป่วยเกิดขึ้น
ส่วนกรณีผู้ป่วยหรือผู้ที่สงสัยว่าตนเองอาจจะป่วย หรือผู้ที่สัมผัสผู้ป่วย ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติ หรือกรณีเจ้าบ้านหรือผู้ควบคุมดูแลบ้านไม่ปฏิบัติตาม ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 2 พันบาท
นายแพทย์โสภณ กล่าวว่า ได้ออกประกาศเพิ่มเติมในเรื่องการปฏิบัติตัวของประชาชน เมื่อกลับมาจากพื้นที่เสี่ยงที่มีการระบาดของโรคแล้วป่วยเป็นไข้ ไอ และผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่มีอาการไข้ ไอที่มาจากพื้นที่เสี่ยง เพื่อให้เกิดความชัดเจนในทางปฏิบัติ และให้สถานพยาบาลสามารถดำเนินการควบคุมโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อประกาศดังกล่าวมีผลบังคับใช้ จะมีโทษปรับ 2,000 บาท หากไม่ปฏิบัติตามเจ้าหน้าที่ด้วย ซึ่งเป็นการออกประกาศโดยอาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2523 ทั้งนี้ จะมีการแปลประกาศดังกล่าวเป็นภาษาอังกฤษและประสานไปยังสถานทูตต่างๆ ให้ชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยเข้าใจมาตรการการป้องกันการระบาดในประเทศไทย
สำหรับนักเรียนไทยที่ไปศึกษาที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย ทยอยเดินทางกลับบ้านช่วงถือศีลอดและเทศกาลปีใหม่ ได้สั่งการให้นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด สาธารณสุขอำเภอ และผู้อำนวยการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลในพื้นที่ ตรวจสอบข้อมูล และติดตามดูแลเฝ้าระวังโรคทุกคนเมื่อกลับถึงประเทศไทย เช่นเดียวกับการเฝ้าระวังโรคผู้แสวงบุญฮัจญ์ที่ดำเนินการต่อเนื่องมาหลายปี สำหรับผู้ป่วยโรคเมอร์สชาวโอมาน อาการดีขึ้นตามลำดับ รับประทานอาหารได้ ส่วนผู้สัมผัสที่เป็นญาติ 3 คนอาการปกติ และผู้ป่วยที่เข้าเกณฑ์สอบสวนโรคอาการปกติทุกราย โดยสถานการณ์รอบ 24 ชั่วโมง มีผู้เข้าเกณฑ์สอบสวนโรค 14 ราย เป็นผู้เดินทางมาจากเกาหลีใต้ 11 ราย จากตะวันออกกลาง 3 ราย ทุกรายได้ส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ และตั้งแต่ 1 มกราคม- 23 มิถุนายน มีผู้เข้าเกณฑ์สอบสวนโรค 72 ราย มาจากเกาหลีใต้ 46 ราย และตะวันออกกลาง 26 ราย
ให้ผู้ป่วยหรือผู้ที่สงสัยว่าตนเองจะป่วย หรือผู้ที่สัมผัสกับผู้ป่วย ไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลโดยด่วนที่สุด เพื่อรับการตรวจหรือรับการรักษาในทางการแพทย์
ในกรณีที่มีการป่วยเกิดขึ้น หรือมีเหตุสงสัยว่าได้มีการป่วยเกิดขึ้นในบ้าน ให้เจ้าบ้านหรือผู้ควบคุมดูแลบ้าน แจ้งชื่อและที่อยู่ของตน ความสัมพันธ์กับผู้ป่วย ชื่อ อายุ และที่อยู่ของผู้ป่วย โรงพยาบาลหรือคลินิกที่ผู้ป่วยรับการรักษา วันที่เริ่มป่วย และอาการสำคัญของผู้ป่วย ให้แก่เจ้าพนักงานสาธารณสุขหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ ภายใน 24 ชั่วโมง นับแต่เริ่มมีการป่วยขึ้นหรือมีเหตุสงสัยว่าได้มีการป่วยเกิดขึ้น
ส่วนกรณีผู้ป่วยหรือผู้ที่สงสัยว่าตนเองอาจจะป่วย หรือผู้ที่สัมผัสผู้ป่วย ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติ หรือกรณีเจ้าบ้านหรือผู้ควบคุมดูแลบ้านไม่ปฏิบัติตาม ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 2 พันบาท
นายแพทย์โสภณ กล่าวว่า ได้ออกประกาศเพิ่มเติมในเรื่องการปฏิบัติตัวของประชาชน เมื่อกลับมาจากพื้นที่เสี่ยงที่มีการระบาดของโรคแล้วป่วยเป็นไข้ ไอ และผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่มีอาการไข้ ไอที่มาจากพื้นที่เสี่ยง เพื่อให้เกิดความชัดเจนในทางปฏิบัติ และให้สถานพยาบาลสามารถดำเนินการควบคุมโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อประกาศดังกล่าวมีผลบังคับใช้ จะมีโทษปรับ 2,000 บาท หากไม่ปฏิบัติตามเจ้าหน้าที่ด้วย ซึ่งเป็นการออกประกาศโดยอาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2523 ทั้งนี้ จะมีการแปลประกาศดังกล่าวเป็นภาษาอังกฤษและประสานไปยังสถานทูตต่างๆ ให้ชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยเข้าใจมาตรการการป้องกันการระบาดในประเทศไทย
สำหรับนักเรียนไทยที่ไปศึกษาที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย ทยอยเดินทางกลับบ้านช่วงถือศีลอดและเทศกาลปีใหม่ ได้สั่งการให้นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด สาธารณสุขอำเภอ และผู้อำนวยการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลในพื้นที่ ตรวจสอบข้อมูล และติดตามดูแลเฝ้าระวังโรคทุกคนเมื่อกลับถึงประเทศไทย เช่นเดียวกับการเฝ้าระวังโรคผู้แสวงบุญฮัจญ์ที่ดำเนินการต่อเนื่องมาหลายปี สำหรับผู้ป่วยโรคเมอร์สชาวโอมาน อาการดีขึ้นตามลำดับ รับประทานอาหารได้ ส่วนผู้สัมผัสที่เป็นญาติ 3 คนอาการปกติ และผู้ป่วยที่เข้าเกณฑ์สอบสวนโรคอาการปกติทุกราย โดยสถานการณ์รอบ 24 ชั่วโมง มีผู้เข้าเกณฑ์สอบสวนโรค 14 ราย เป็นผู้เดินทางมาจากเกาหลีใต้ 11 ราย จากตะวันออกกลาง 3 ราย ทุกรายได้ส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ และตั้งแต่ 1 มกราคม- 23 มิถุนายน มีผู้เข้าเกณฑ์สอบสวนโรค 72 ราย มาจากเกาหลีใต้ 46 ราย และตะวันออกกลาง 26 ราย