การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช.วันนี้ (5 มิ.ย.) มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เป็นประธานการประชุม ได้พิจารณากระทู้ถามเรื่องการปล่อยตัวผู้ต้องขังของกรมราชทัณฑ์ ที่นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ สนช.ถามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
นายวัลลภ กล่าวว่า เห็นด้วยกับหลักการในการพักการลงโทษหรือการปล่อยตัวนักโทษ แต่เคยถามเจ้าหน้าที่ซึ่งได้ให้เหตุผลว่าต้องปล่อย เพราะมีผู้ต้องขังจำนวนมาก ก็สงสัยว่าเหตุใดไม่ปล่อยตัวผู้ต้องขังคดีเล็กน้อย แต่กลับปล่อยตัวผู้ต้องขังในคดีใหญ่ๆ จึงสงสัยว่ามีหลักเกณฑ์ในการพิจารณาปล่อยตัวและติดตามพฤติกรรมของผู้ที่ได้รับการปล่อยตัวอย่างไร
พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ชี้แจงว่า การพิจารณาการปล่อยตัวผู้ต้องขัง คงไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนผู้ต้องขังมาก ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐจะต้องดูแล ทั้งนี้ ยอมรับว่า พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ ที่ใช้ในปัจจุบันเก่าแก่อายุถึง 80 ปี ซึ่งทางกระทรวงได้ยกร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวใหม่แล้ว และกำลังอยู่ระหว่างการนำเสนอให้ สนช.พิจารณา ยอมรับว่ามีผู้ที่ได้รับการปล่อยตัวถึงร้อยละ 60 ที่ทำผิดซ้ำ ดังนั้นกฎหมายที่ออกมาจะต้องสามารถเก็บดีเอ็นเอคนเหล่านี้ไว้ได้
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า การพิจารณาปล่อยตัวผู้ต้องขังเป็นไปตามหลักเกณฑ์ มีคณะกรรมการพิจารณา ซึ่งมีทั้งคดีเล็กและคดีใหญ่ แต่คดีเล็กๆ ไม่เป็นข่าว เพราะไม่ได้รับความสนใจ และเมื่อปล่อยตัวแล้วจะส่งตัวให้กรมคุมประพฤติติดตามต่อ ซึ่งกรมประพฤติจะต้องมีการปรับปรุงและพัฒนาเพื่อไม่ให้มีการกระทำผิดซ้ำอีก และได้กำชับให้ดูแลในช่วงรอยต่อกฎหมายใหม่ออกมา
นอกจากนี้ ยอมรับด้วยว่า วันนี้กรมประพฤติต้องปรับเปลี่ยนใหญ่ โดยเฉพาะอาสาสมัครกรมประพฤติ โดยกระทรวงมหาดไทยและผู้ใหญ่บ้าน ต้องมีบทบาท ถามว่าผมรู้สึกอย่างเดียวกับท่านหรือไม่ แต่ถ้าเห็นรายชื่อคณะกรรมการก็ต้องเคารพในกฎเกณฑ์ที่ตั้งมา ว่าน่าจะรอบคอบ แต่ยืนยันว่าห่วงเรื่องการติดตาม และต้องพัฒนากรมประพฤติให้มีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ นายวัลลภ ฝากเรื่องการปล่อยตัวผู้ต้องขังที่กระทำผิด ให้คำนึงด้วยว่าอยู่ในพื้นที่เดียวกับผู้เสียหายหรือไม่ และขอให้คำนึงถึงความรู้สึกของผู้เสียหายด้วย
นายวัลลภ กล่าวว่า เห็นด้วยกับหลักการในการพักการลงโทษหรือการปล่อยตัวนักโทษ แต่เคยถามเจ้าหน้าที่ซึ่งได้ให้เหตุผลว่าต้องปล่อย เพราะมีผู้ต้องขังจำนวนมาก ก็สงสัยว่าเหตุใดไม่ปล่อยตัวผู้ต้องขังคดีเล็กน้อย แต่กลับปล่อยตัวผู้ต้องขังในคดีใหญ่ๆ จึงสงสัยว่ามีหลักเกณฑ์ในการพิจารณาปล่อยตัวและติดตามพฤติกรรมของผู้ที่ได้รับการปล่อยตัวอย่างไร
พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ชี้แจงว่า การพิจารณาการปล่อยตัวผู้ต้องขัง คงไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนผู้ต้องขังมาก ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐจะต้องดูแล ทั้งนี้ ยอมรับว่า พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ ที่ใช้ในปัจจุบันเก่าแก่อายุถึง 80 ปี ซึ่งทางกระทรวงได้ยกร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวใหม่แล้ว และกำลังอยู่ระหว่างการนำเสนอให้ สนช.พิจารณา ยอมรับว่ามีผู้ที่ได้รับการปล่อยตัวถึงร้อยละ 60 ที่ทำผิดซ้ำ ดังนั้นกฎหมายที่ออกมาจะต้องสามารถเก็บดีเอ็นเอคนเหล่านี้ไว้ได้
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า การพิจารณาปล่อยตัวผู้ต้องขังเป็นไปตามหลักเกณฑ์ มีคณะกรรมการพิจารณา ซึ่งมีทั้งคดีเล็กและคดีใหญ่ แต่คดีเล็กๆ ไม่เป็นข่าว เพราะไม่ได้รับความสนใจ และเมื่อปล่อยตัวแล้วจะส่งตัวให้กรมคุมประพฤติติดตามต่อ ซึ่งกรมประพฤติจะต้องมีการปรับปรุงและพัฒนาเพื่อไม่ให้มีการกระทำผิดซ้ำอีก และได้กำชับให้ดูแลในช่วงรอยต่อกฎหมายใหม่ออกมา
นอกจากนี้ ยอมรับด้วยว่า วันนี้กรมประพฤติต้องปรับเปลี่ยนใหญ่ โดยเฉพาะอาสาสมัครกรมประพฤติ โดยกระทรวงมหาดไทยและผู้ใหญ่บ้าน ต้องมีบทบาท ถามว่าผมรู้สึกอย่างเดียวกับท่านหรือไม่ แต่ถ้าเห็นรายชื่อคณะกรรมการก็ต้องเคารพในกฎเกณฑ์ที่ตั้งมา ว่าน่าจะรอบคอบ แต่ยืนยันว่าห่วงเรื่องการติดตาม และต้องพัฒนากรมประพฤติให้มีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ นายวัลลภ ฝากเรื่องการปล่อยตัวผู้ต้องขังที่กระทำผิด ให้คำนึงด้วยว่าอยู่ในพื้นที่เดียวกับผู้เสียหายหรือไม่ และขอให้คำนึงถึงความรู้สึกของผู้เสียหายด้วย
