เว็บไซต์ ไทม์ รายงานความเคลื่อนไหวของรัฐบาลประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ กรณีผู้อพยพชาวมุสลิมโรฮีนจา ประกาศพร้อมจะให้ความช่วยเหลือผู้อพยพชาวโรฮีนจา ด้วยการรับมาอยู่ในสหรัฐฯ มากกว่า 1,000 คน ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.58 อันเป็นส่วนหนึ่งในความพยายามของประชาคมโลกในการช่วยเหลือผู้อพยพโรฮีนจากว่า 3,000 คนที่นั่งเรือลอยลำอยู่กลางทะเล ในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อหนีความลำบากยากจนในพม่า
แมรี ฮาร์ฟ รักษาการโฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงเมื่อ 20 พ.ค.ว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ได้มีการเตรียมตัวสำหรับบทบาทการเป็นผู้นำในความพยายามช่วยเหลือผู้อพยพชาวโรฮีนจา ที่ดำเนินการโดยสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาติ ด้วยการรับผู้อพยพชาวโรฮีนจามาพำนักอยู่ในสหรัฐฯ มากกว่า 1,000 คนตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. ที่จะถึงนี้
นางฮาร์ฟ กล่าวอีกว่า สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) และองค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (IOM) จะเป็นหน่วยงานที่ตรวจสอบ และระบุความช่วยเหลือที่จำเป็นแก่ผู้อพยพ
นอกจากนี้ สหรัฐฯ จะพิจารณาอย่างรอบครอบในข้อเสนอเรื่องการจัดตั้งถิ่นฐานใหม่ให้กับผู้อพยพชาวโรฮีนจา และเตรียมที่จะมีบทบาทนำในความพยายามใดๆ ของนานาชาติภายใต้การจัดการของ UNHCR เพื่อจัดตั้งถิ่นฐานใหม่ให้กับผู้อพยพที่มีความเสี่ยงมากที่สุด
ขณะเดียวกัน นายแอนโธนี บลินเคน รมช.ต่างประเทศสหรัฐฯ มีกำหนดเดินทางมาเยือนพม่า ในวันพฤหัสฯ ที่ 21 พ.ค.นี้ เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลพม่า ร่วมมือกับรัฐบาลบังกลาเทศช่วยเหลือผู้อพยพชาวโรฮีนจา โดยโฆษกหญิงกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯยังกล่าวว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ได้เรียกร้องให้รัฐบาลพม่าควรปรับปรุงสภาพความเป็นอยู่ต่างๆ ของชาวโรฮีนจาให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นในพม่า
แมรี ฮาร์ฟ รักษาการโฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงเมื่อ 20 พ.ค.ว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ได้มีการเตรียมตัวสำหรับบทบาทการเป็นผู้นำในความพยายามช่วยเหลือผู้อพยพชาวโรฮีนจา ที่ดำเนินการโดยสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาติ ด้วยการรับผู้อพยพชาวโรฮีนจามาพำนักอยู่ในสหรัฐฯ มากกว่า 1,000 คนตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. ที่จะถึงนี้
นางฮาร์ฟ กล่าวอีกว่า สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) และองค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (IOM) จะเป็นหน่วยงานที่ตรวจสอบ และระบุความช่วยเหลือที่จำเป็นแก่ผู้อพยพ
นอกจากนี้ สหรัฐฯ จะพิจารณาอย่างรอบครอบในข้อเสนอเรื่องการจัดตั้งถิ่นฐานใหม่ให้กับผู้อพยพชาวโรฮีนจา และเตรียมที่จะมีบทบาทนำในความพยายามใดๆ ของนานาชาติภายใต้การจัดการของ UNHCR เพื่อจัดตั้งถิ่นฐานใหม่ให้กับผู้อพยพที่มีความเสี่ยงมากที่สุด
ขณะเดียวกัน นายแอนโธนี บลินเคน รมช.ต่างประเทศสหรัฐฯ มีกำหนดเดินทางมาเยือนพม่า ในวันพฤหัสฯ ที่ 21 พ.ค.นี้ เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลพม่า ร่วมมือกับรัฐบาลบังกลาเทศช่วยเหลือผู้อพยพชาวโรฮีนจา โดยโฆษกหญิงกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯยังกล่าวว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ได้เรียกร้องให้รัฐบาลพม่าควรปรับปรุงสภาพความเป็นอยู่ต่างๆ ของชาวโรฮีนจาให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นในพม่า
