นายสุรศักดิ์ ตรีรัตน์ตระกูล อธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน รองหัวหน้าคณะทำงานคดีทุจริตโครงการจำนำข้าว กล่าวถึงขั้นตอนการพิจารณาคดีครั้งแรกที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดพิจารณาคดีครั้งแรก เพื่อสอบคำให้การ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลย ในความผิดปฏิบัติหน้าที่มิชอบสร้างความเสียหายแก่รัฐตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช.) พ.ศ.2542 มาตรา 123/1 ที่ละเลยไม่ยับยั้งโครงการจำนำข้าวสร้างความเสียหายกว่า 5 แสนล้านบาท ว่า วันพรุ่งนี้ (19 พ.ค.) เวลา 09.30 น. ศาลนัดสอบคำให้การจำเลย ซึ่งหากจำเลยเดินทางมาศาลก็จะอ่านคำฟ้องให้ฟัง เพื่อสอบถามว่าจะให้การรับสารภาพหรือปฏิเสธ โดยเชื่อว่าจำเลยจะให้การปฏิเสธ จากนั้น ศาลจะกำหนดวันนัดตรวจพยานหลักฐานต่อไป ซึ่งคดีนี้ตามที่อัยการเคยแถลงข่าวไปแล้วว่า มีพยานบุคคล 10 กว่าปาก
รองหัวหน้าคณะทำงานอัยการ กล่าวอีกว่า วันพรุ่งนี้คณะทำงานทั้งคณะจะเดินทางไปศาล ส่วนจำเลยนั้นเท่าที่ติดตามข่าวจากสื่อมวลชน ระบุว่าจำเลยจะมาศาล อย่างไรก็ตาม หากถึงเวลาแล้วจำเลยไม่มาศาล โดยไม่มอบหมายผู้แทนหรือทนายความแจ้งศาลถึงเหตุขัดข้อง ตามขั้นตอนกฎหมายศาลพิจารณาออกหมายจับได้ เพราะถือว่าจำเลยได้รับทราบหมายเรียกของศาลแล้ว แต่หากจำเลยไม่มาศาลแล้วมอบอำนาจผู้แทนหรือทนายความแจ้งถึงเหตุขัดข้อง ก็เป็นดุลพินิจของศาลที่จะพิจารณา อย่างไรก็ตาม การอ้างถึงเหตุไม่มาศาลก็ต้องมีเหตุจำเป็นอย่างมากจริงๆ เช่น ป่วยหนัก แต่หากจะอ้างความไม่พร้อมจากการเตรียมตัวเข้าสู่กระบวนพิจารณาคดีคงไม่ได้
นอกจากนี้ ในวันพรุ่งนี้ หากจำเลยมาศาล ก็ต้องยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เพื่อขอปล่อยชั่วคราวระหว่างการพิจารณาคดีด้วย ซึ่งขณะนี้เมื่อศาลรับฟ้องคดีและจำเลยตกเป็นจำเลยตามกฎหมายแล้ว ถือว่าตัวจำเลยอยู่ในอำนาจของศาลแล้ว หากมีการยื่นประกันถือเป็นเรื่องของศาลที่จะใช้ดุลพินิจ วินิจฉัยคำร้องและหลักทรัพย์ของจำเลยต่อไป
ขณะที่นายธนฤกษ์ นิติเศรณี ประธานแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา กล่าวถึงกระบวนพิจารณาคดีว่า ในวันพรุ่งนี้ องค์คณะผู้พิพากษาทั้ง 9 คน จะออกนั่งบัลลังก์เริ่มกระบวนพิจารณาคดีครั้งแรกพร้อมกัน โดยจะสอบถามว่าจำเลยให้การรับสารภาพหรือปฏิเสธ หากให้การปฏิเสธ ก็จะหารือคู่ความเพื่อกำหนดนัดตรวจพยานหลักฐานต่อไป ส่วนระยะเวลาการไต่สวนพยานทั้ง 2 ฝ่าย จะใช้ระยะเวลานานเท่าใดขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานมีมากน้อยเพียงใด ส่วนเรื่องประกันตัว จนถึงขณะนี้จำเลยยังไม่ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ จึงเป็นไปได้ว่าจำเลยจะยื่นประกันในวันพรุ่งนี้
อย่างไรก็ตาม ต้องรอดูพฤติการณ์ของจำเลยในวันพรุ่งนี้ ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนกฎหมาย ซึ่งหากจำเลยไม่มาศาลโดยอ้างเหตุจำเป็น แล้วจะมอบหมายทนายความยื่นคำร้องขอเลื่อนต่อศาลก็ทำได้ แต่เหตุนั้นจะจำเป็นพียงพอที่ศาลจะพิจารณาให้เลื่อนได้หรือไม่ ก็เป็นอีกกรณีหนึ่ง ทั้งนี้ ยืนยันว่าศาลพร้อมจะให้ความเป็นธรรมคู่ความทุกฝ่าย
รองหัวหน้าคณะทำงานอัยการ กล่าวอีกว่า วันพรุ่งนี้คณะทำงานทั้งคณะจะเดินทางไปศาล ส่วนจำเลยนั้นเท่าที่ติดตามข่าวจากสื่อมวลชน ระบุว่าจำเลยจะมาศาล อย่างไรก็ตาม หากถึงเวลาแล้วจำเลยไม่มาศาล โดยไม่มอบหมายผู้แทนหรือทนายความแจ้งศาลถึงเหตุขัดข้อง ตามขั้นตอนกฎหมายศาลพิจารณาออกหมายจับได้ เพราะถือว่าจำเลยได้รับทราบหมายเรียกของศาลแล้ว แต่หากจำเลยไม่มาศาลแล้วมอบอำนาจผู้แทนหรือทนายความแจ้งถึงเหตุขัดข้อง ก็เป็นดุลพินิจของศาลที่จะพิจารณา อย่างไรก็ตาม การอ้างถึงเหตุไม่มาศาลก็ต้องมีเหตุจำเป็นอย่างมากจริงๆ เช่น ป่วยหนัก แต่หากจะอ้างความไม่พร้อมจากการเตรียมตัวเข้าสู่กระบวนพิจารณาคดีคงไม่ได้
นอกจากนี้ ในวันพรุ่งนี้ หากจำเลยมาศาล ก็ต้องยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เพื่อขอปล่อยชั่วคราวระหว่างการพิจารณาคดีด้วย ซึ่งขณะนี้เมื่อศาลรับฟ้องคดีและจำเลยตกเป็นจำเลยตามกฎหมายแล้ว ถือว่าตัวจำเลยอยู่ในอำนาจของศาลแล้ว หากมีการยื่นประกันถือเป็นเรื่องของศาลที่จะใช้ดุลพินิจ วินิจฉัยคำร้องและหลักทรัพย์ของจำเลยต่อไป
ขณะที่นายธนฤกษ์ นิติเศรณี ประธานแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา กล่าวถึงกระบวนพิจารณาคดีว่า ในวันพรุ่งนี้ องค์คณะผู้พิพากษาทั้ง 9 คน จะออกนั่งบัลลังก์เริ่มกระบวนพิจารณาคดีครั้งแรกพร้อมกัน โดยจะสอบถามว่าจำเลยให้การรับสารภาพหรือปฏิเสธ หากให้การปฏิเสธ ก็จะหารือคู่ความเพื่อกำหนดนัดตรวจพยานหลักฐานต่อไป ส่วนระยะเวลาการไต่สวนพยานทั้ง 2 ฝ่าย จะใช้ระยะเวลานานเท่าใดขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานมีมากน้อยเพียงใด ส่วนเรื่องประกันตัว จนถึงขณะนี้จำเลยยังไม่ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ จึงเป็นไปได้ว่าจำเลยจะยื่นประกันในวันพรุ่งนี้
อย่างไรก็ตาม ต้องรอดูพฤติการณ์ของจำเลยในวันพรุ่งนี้ ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนกฎหมาย ซึ่งหากจำเลยไม่มาศาลโดยอ้างเหตุจำเป็น แล้วจะมอบหมายทนายความยื่นคำร้องขอเลื่อนต่อศาลก็ทำได้ แต่เหตุนั้นจะจำเป็นพียงพอที่ศาลจะพิจารณาให้เลื่อนได้หรือไม่ ก็เป็นอีกกรณีหนึ่ง ทั้งนี้ ยืนยันว่าศาลพร้อมจะให้ความเป็นธรรมคู่ความทุกฝ่าย
