ทีมทนายยิ่งลักษณ์ โวย คสช.ห้ามนายหญิงไปนอก อ้าง อสส.สั่งฟ้องแค่ความเห็น ยังไม่ฟ้อง ไม่อยู่ในอำนาจควบคุม จะไปไหนก็ได้ หัวหมอชี้ กม.ให้แค่ส่งฟ้อง ไม่ได้ระบุให้นำตัวผู้ถูกฟ้องมาศาล ฉะคำสั่ง คสช.ขัดหลักคุ้มครองสิทธิผู้ต้องหาตาม รธน.
วันนี้ (8 ก.พ.) นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความส่วนตัวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ไม่อนุญาตให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์เดินทางออกนอกประเทศตามคำขอ โดยอ้างเหตุคดีเรื่องทุจริตโครงการจำนำข้าวที่อัยการสูงสุดมีความเห็นสั่งฟ้องว่า ขณะนี้แม้อัยการสูงสุดจะมีความเห็นสั่งฟ้องแล้ว แต่ก็เป็นเพียงความเห็น ยังไม่ได้มีการยื่นฟ้องต่อศาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ จึงไม่ได้อยู่ในอำนาจการควบคุมของอัยการสูงสุด หรือศาล ซึ่งตามมาตรา 4 ของรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 ก็ให้การรับรองและคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของผู้ต้องหาหรือจำเลย ดังนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์สามารถเดินทางไปที่ใดก็ได้โดยไม่ติดขัดเรื่องข้อกฎหมาย
นายนรวิชญ์กล่าวต่อว่า ในส่วนของการยื่นฟ้องคดีอาญาของอัยการสูงสุดต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนั้น มีขั้นตอนที่แตกต่างจากการอัยการยื่นฟ้องคดีอาญาทั่วๆ ไป ตั้งแต่ในชั้น การยื่นฟ้องต่อศาล และการพิจารณาว่าจะมีคำสั่งประทับรับฟ้องไว้หรือไม่ ซึ่งกฎหมายกำหนดแต่เพียงให้สำนักงานอัยการสูงสุดที่เป็นโจทก์ส่งคำฟ้องและสำนวนการไต่สวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ต่อศาล แต่ไม่ได้ระบุว่าต้องนำตัวผู้ถูกกล่าวหามาที่ศาลด้วย โดยเมื่อศาลประทับรับคำฟ้องแล้ว ศาลจึงจะส่งสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลย และนัดคู่ความมาศาลในวันพิจารณาครั้งแรก ซึ่งเป็นวันที่จำเลยต้องไปปรากฏตัวต่อหน้าศาล ทั้งนี้ในระหว่างที่ศาลรับฟ้องแล้วก็ยังมีขั้นตอนอีกมาก อาทิ การที่จะเลือกผู้พิพากษาของที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา เพื่อกำหนดองค์คณะผู้พิจารณาพิพากษาอีกด้วย
“ในคดีโครงการรับจำนำข้าว เมื่อยังไม่การกำหนดนัดพิจารณาครั้งแรก หาก คสช.มีคำสั่งห้าม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ออกนอกประเทศ ดัวยเหตุผลว่าอัยการสูงสุดมีความเห็นสั่งฟ้องคดีโครงการรับจำนำข้าวแล้วนั้น คำสั่งของ คสช.น่าจะขัดต่อหลักการคุ้มครองสิทธิ และเสรีภาพของผู้ต้องหา หรือจำเลยในคดีอาญาที่รัฐธรรมนูญของไทยซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดได้รับรองและคุ้มครองไว้ตลอดมา” นายนรวิชญ์ระบุ