นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวในการบรรยายพิเศษในหัวข้อ "การสร้างแรงบันดาลใจในการประกอบอาชีพการเป็นนักการเมือง" ให้แก่นักศึกษาหลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาผู้นำทางสังคม ธุรกิจ และการเมือง มหาวิทยาลัยรังสิต ว่า หลายคนตั้งคำถามว่าทำไมตนเองถึงยังเป็นนักการเมืองในสภาวะที่สังคมและผู้มีอำนาจแสดงความรังเกียจนักการเมือง อีกทั้งนักการเมืองถูกมองในทางลบ ซึ่งตั้งแต่เข้ามาทำงานการเมืองกว่า 23 ปี ไม่มีช่วงใดที่คนยกย่องสรรเสริญนักการเมือง โดยเหตุผลที่ทำให้หันมาสนใจด้านการเมือง คือ เหตุการณ์ 14 ตุลา ที่ได้เห็นภาพเหตุการณ์นักศึกษา และคนหนุ่มสาว ออกมาเคลื่อนไหวและสามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ จึงเป็นจุดเปลี่ยนมุมมองและอยากเห็นประเทศไทยเป็นประชาธิปไตย โดยอาศัยกลไกของประชาชนและประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม และตั้งใจจะรักษาอุมดมการณ์นี้ในการทำงานการเมือง จะไม่ใช้วิธีการโดยมิชอบ ทั้งนี้ตั้งแต่เข้ามาทำงานการเมือง สิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือ การเมืองในช่วง 10 ปีหลัง ที่มีระบอบทักษิณเข้ามาทำให้การเมืองเปลี่ยนแปลงไป จึงต้องช่วยกันปรับเปลี่ยนไปให้ได้
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มีเวลาเหลือทำงานทางการเมืองอีกไม่นาน ซึ่งไม่รู้จะมีการเลือกตั้งเมื่อใด แต่ถ้ามีการเลือกตั้งครั้งหน้าก็พร้อมลงสมัครอย่างแน่นอน แต่ถ้าทำไม่สำเร็จ ต้องยุติหน้าที่ทางการเมือง ซึ่งเป็นผู้นำฝ่ายค้านมาแล้ว 3 ครั้ง เป็นครั้งที่ 4 อีกไม่ได้ แต่หากได้ทำงานอีกจะทำอย่างเต็มที่ ซึ่งจากการทำงานการเมืองมา 23 ปี ในภาพรวมยังไม่พอใจ แต่สิ่งที่เคยทำไปก็ไม่ได้สูญเปล่า แม้ขณะนี้บ้านเมืองไม่ได้เป็นไปตามที่ต้องการ แต่ต้องสู้ต่อไป
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มีเวลาเหลือทำงานทางการเมืองอีกไม่นาน ซึ่งไม่รู้จะมีการเลือกตั้งเมื่อใด แต่ถ้ามีการเลือกตั้งครั้งหน้าก็พร้อมลงสมัครอย่างแน่นอน แต่ถ้าทำไม่สำเร็จ ต้องยุติหน้าที่ทางการเมือง ซึ่งเป็นผู้นำฝ่ายค้านมาแล้ว 3 ครั้ง เป็นครั้งที่ 4 อีกไม่ได้ แต่หากได้ทำงานอีกจะทำอย่างเต็มที่ ซึ่งจากการทำงานการเมืองมา 23 ปี ในภาพรวมยังไม่พอใจ แต่สิ่งที่เคยทำไปก็ไม่ได้สูญเปล่า แม้ขณะนี้บ้านเมืองไม่ได้เป็นไปตามที่ต้องการ แต่ต้องสู้ต่อไป