xs
xsm
sm
md
lg

สพฐ.ขวางโอนสถานศึกษาไปอปท.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วานนี้ (6 พ.ค.) นายกมล รอดคล้าย เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) เปิดเผยถึง กรณีที่ผู้ตรวจการแผ่นดินเสนอให้โอนย้ายสถานศึกษาไปสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ว่า ขณะนี้เรื่องดังกล่าวกลายเป็นกระแสที่ลุกลามไปมาก โดยเฉพาะกลุ่มผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) ก็มาการพูดคุยผ่านโปรแกร ไลน์ (Line) และเว็บไซต์ต่างๆ ของกลุ่มเรียกร้องและเคลื่อนไหวว่า ไม่ต้องการไปอยู่กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
อย่างไรก็ตาม สพฐ.ได้ศึกษางานวิจัยเรื่อง ความพร้อมการถ่ายโอนการศึกษาให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ในจังหวัดปทุมธานี จังหวัดนนทบุรี และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ของนักศึกษาหลักสูตรรัฐประศาสนศาสตร์ดุษฎีบัณฑิต สาขารัฐประศาสนศาสตร์ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฎวไลยอลงกรณ์ในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งเป็นงานวิจัยเชิงปริมาณ และเชิงคุณภาพ โดยสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญ/ผู้ทรงคุณวุฒิ 25 คน และสุ่มตัวอย่างโดยใช้แบบสอบถามจำนวน 388 คน และได้สรุปผลการวิจัยว่า อปท. ทั้งหมด 267 แห่ง พบว่ามีความพร้อมในการจัดการศึกษา 95 แห่ง และไม่มีความพร้อมในการจัดการศึกษา 172 แห่ง ขณะที่ผู้ปกครอง นักเรียน ประชาชนในท้องถิ่น บุคลากรทางการศึกษาในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ก็มีความเห็นว่า อปท. ไม่มีความพร้อมทั้งด้านงบประมาณ ด้านวิชาการและด้านการบริหารบุคคล
ดังนั้นจึงไม่เห็นด้วยกับการถ่ายโอนการศึกษา เพราะฉะนั้น จะเห็นได้ว่าในแง่ผลการวิจัย อปท. ยังไม่มีความพร้อม และสพฐ. มีความเห็นว่า สพฐ. น่าจะเป็นหน่วยงานหลักในการจัดการศึกษาเหมาะสมกว่า เพราะเราเป็นองค์กรรัฐ และทำงานบนความรับผิดชอบ ไม่ว่าการทำงานผลจะออกมาดีหรือไม่ก็ตาม เพราะฉะนั้น ถ้าจะให้คนอื่นจัดการศึกษา ก็ไม่รู้เขาจะรับผิดชอบการศึกษาหรือไม่

“ในมิติของสพฐ. มองว่าการโอนย้ายสถานศึกษาไปสังกัด อปท. ยังไงก็ไม่มีความพร้อม เมื่อมีกระแสออกมาอีก กลุ่มผอ. จึงมีความห่วงใยและออกมาเคลื่อนไหว อีกทั้งกลุ่มนี้เคยมีประสบการณ์ทำงานกับ อปท. เมื่อครั้งเป็นสำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ (สปช.) มาก่อนจึง รู้ปัญหาหลายด้าน อาทิ การเปลี่ยนผู้บริหารมีผลต่อนโยบายการทำงาน ความรู้เชิงวิชาการ ซึ่งที่สุดแล้วความรู้ที่ท้องถิ่นมียังสู้หน่วยงานราชการไม่ได้ และปัญหาที่ในอดีตท้องถิ่นให้ครูทำกิจกรรมที่ไม่ใช้การเรียนการสอน ซึ่งครูรู้สึกไม่สบายใจ อีกประเด็นคือครูที่อยู่สังกัดท้องถิ่นไม่สามารถขอโอนย้ายได้ เหมือนกรณีการเป็นครูในส่วนราชการเดียวกัน” นายกมล กล่าว

ด้าน นายอมรวิชช์ นาครทรรพ ที่ปรึกษาเลขานุการรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงศึกษาธิการ และโฆษกคณะกรรมาธิการ(กมธ.) การศึกษาและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) กล่าวว่า สำหรับกรณีที่ทางผู้ตรวจการแผ่นดิน เสนอให้โอนย้ายโรงเรียนต่างๆ ให้ไปสังกัดอยู่ใน อปท. นั้น เป็นเพียงข้อเสนอที่หนึ่ง เนื่องจากขณะนี้เป็นช่วงเปิดรับฟังความคิดเห็น จึงมีกลุ่มบุคคลและผู้เกี่ยวมีข้อเสนอต่างๆ เข้ามา ซึ่ง กมธ.การศึกษาฯ ก็พร้อมรับฟังความคิดเห็น และข้อเสนอแนะจากทุกฝ่าย แต่ยังไม่มีการสรุปที่ชัดเจน จึงไม่อยากให้สังคมสับสน ทั้งนี้ในส่วนของ กมธ. การศึกษาฯ มองว่าการปฏิรูปการศึกษาไม่ใช่เพียงการกระจายอำนาจจากส่วนกลางเท่านั้น แต่เป็นการกระจายอำนาจลงไปยังพื้นที่ เพื่อแก้ปัญหาคนเก่งทิ้งถิ่น และจัดการศึกษาตามบริบทพื้นที่ แต่ยังคงมาตรฐานกลางไว้ อย่างไรก็ตาม ก่อนสิ้นเดือนมิถุนายน กมธ.การศึกษาฯ จะรวบรวมความคิดเห็นทั้งที่ส่งมายัง สปช. และเวทีเสวนาตามจังหวัดต่างๆ และประมวลสรุปต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น