ดร.วัลลภ สุวรรณดี ประธานที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงภายหลังเป็นประธานการประชุมการจัดระเบียบการจราจรบริเวณรอบเกาะรัตนโกสินทร์ และลานพระบรมรูปทรงม้า โดยมี พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พล.ต.ต.นิพนธ์ เจริญผล รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ร่วมด้วยผู้แทนจากสำนักพระราชวัง กระทรวงกลาโหม บริษัทขนส่ง จำกัด (บขส.) สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ผู้ประกอบการรถทัวร์นักท่องเที่ยว สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว สมาคมผู้ประกอบการรถขนส่งทั่วไทย ร่วมประชุม
ทั้งนี้จากปัญหาการจราจรติดขัด ปัญหาค่ามลพิษเกินมาตรฐาน และเกิดแรงสั่นสะเทือนซึ่งสร้างความเสียหายต่อพระบรมมหาราชวัง และโบราณสถานโดยรอบเกาะรัตนโกสินทร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโบราณสถานและโบราณวัตถุภายในวัดโพธิ์ (วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม) ที่ประชุมได้สรุปให้รถทัวร์และรถตู้นักท่องเที่ยว ซึ่งรับ-ส่งนักท่องเที่ยวในพื้นที่เกาะรัตนโกสินทร์ไปจอดรถ ณ สายใต้ปิ่นเกล้า ตั้งแต่วันที่ 13 พฤษภาคม 2558 นี้เป็นต้นไป สามารถรองรับรถทัวร์ได้ 100 คันแบบหมุนเวียน โดยเบื้องต้นยังไม่เสียค่าใช้จ่าย
ทั้งนี้จะมีเทศกิจ ตำรวจท้องที่ ทหาร และเจ้าหน้าที่ บขส.จะประสานความร่วมมือในการอำนวยความสะดวก และบริหารจัดการจราจรภายในสายใต้ปิ่นเกล้า พร้อมกันนี้ กทม.จะเข้าไปขีดสีตีเส้นจราจรเพิ่มเติม เพื่อให้เกิดความเป็นระเบียบ และติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) เพื่อดูแลความปลอดภัยภายในสถานที่รวมถึงทรัพย์สินของนักท่องเที่ยวด้วย ซึ่งภายหลังการดำเนินงานจะมีคณะทำงานติดตาม และรายงานผลเป็นระยะด้วย ในส่วนของข้อตกลงร่วมกันระหว่างหน่วยงานหรือ MOU เพื่อกำหนดหน้าที่ความรับผิดชอบ และเพื่อให้เกิดแผนบริหารจัดการและแก้ปัญหาระยะยาวในอนาคตนั้น ขณะนี้ กทม.ได้ร่าง MOU แล้ว ซึ่ง บขส.จะนำเข้าหารือที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทขนส่ง จำกัด เพื่อกำหนดเป็นข้อตกลง และความร่วมมือในการใช้พื้นที่และบริหารจัดการร่วมกันต่อไป
ทั้งนี้จากปัญหาการจราจรติดขัด ปัญหาค่ามลพิษเกินมาตรฐาน และเกิดแรงสั่นสะเทือนซึ่งสร้างความเสียหายต่อพระบรมมหาราชวัง และโบราณสถานโดยรอบเกาะรัตนโกสินทร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโบราณสถานและโบราณวัตถุภายในวัดโพธิ์ (วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม) ที่ประชุมได้สรุปให้รถทัวร์และรถตู้นักท่องเที่ยว ซึ่งรับ-ส่งนักท่องเที่ยวในพื้นที่เกาะรัตนโกสินทร์ไปจอดรถ ณ สายใต้ปิ่นเกล้า ตั้งแต่วันที่ 13 พฤษภาคม 2558 นี้เป็นต้นไป สามารถรองรับรถทัวร์ได้ 100 คันแบบหมุนเวียน โดยเบื้องต้นยังไม่เสียค่าใช้จ่าย
ทั้งนี้จะมีเทศกิจ ตำรวจท้องที่ ทหาร และเจ้าหน้าที่ บขส.จะประสานความร่วมมือในการอำนวยความสะดวก และบริหารจัดการจราจรภายในสายใต้ปิ่นเกล้า พร้อมกันนี้ กทม.จะเข้าไปขีดสีตีเส้นจราจรเพิ่มเติม เพื่อให้เกิดความเป็นระเบียบ และติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) เพื่อดูแลความปลอดภัยภายในสถานที่รวมถึงทรัพย์สินของนักท่องเที่ยวด้วย ซึ่งภายหลังการดำเนินงานจะมีคณะทำงานติดตาม และรายงานผลเป็นระยะด้วย ในส่วนของข้อตกลงร่วมกันระหว่างหน่วยงานหรือ MOU เพื่อกำหนดหน้าที่ความรับผิดชอบ และเพื่อให้เกิดแผนบริหารจัดการและแก้ปัญหาระยะยาวในอนาคตนั้น ขณะนี้ กทม.ได้ร่าง MOU แล้ว ซึ่ง บขส.จะนำเข้าหารือที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทขนส่ง จำกัด เพื่อกำหนดเป็นข้อตกลง และความร่วมมือในการใช้พื้นที่และบริหารจัดการร่วมกันต่อไป