xs
xsm
sm
md
lg

“พระพรหมสุธี”ลาออกจากเจ้าคณะภาค 12 แล้ว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อวันที่30 เม.ย. มีการประชุมมหาเถรสมาคม(มส.) โดยมีสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชเป็นประธานการประชุม โดยภายหลังการประชุม พระพรหมเมธี (จำนงค์ ธมฺมจารี) กรรมการและโฆษกมส. แถลงผลการประชุมว่า ที่ประชุมมส. รับทราบรายงานการขอลาออกจากตำแหน่งเจ้าคณะภาค 12 (ปราจีนบุรี, นครนายก, ฉะเชิงเทรา, สระแก้ว) ของพระพรหมสุธี (เสนาะ ปญฺญาวชิโร)หรือเจ้าคุณเสนาะ ซึ่งทำหนังสือแจ้งผ่านทางสมเด็จพระพุฒาจารย์ (สนิท ชวนปญฺโญ) เจ้าคณะใหญ่หนตะวันออก พร้อมกันนี้มส.ยังมีมติแต่งตั้ง พระเทพรัตนมุนี (สุรชัย สุรชโย) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร รองเจ้าคณะภาค 12 ผู้รักษาการแทนเจ้าคณะภาค 12 ขึ้นเป็นเจ้าคณะภาค 12 และมีมติแต่งตั้ง พระราชเวที (สุรพล ชิตญาโณ) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม หรือวัดโพธิ์ เป็นรองเจ้าคณะภาค 12

ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากรณีพระพรหมสุธี ลาออกจากตำแหน่งเจ้าคณะภาค 12 ส่งผลให้พระพรหมสุธี ไม่เหลือตำแหน่งทางการปกครองสงฆ์ใดๆแล้ว โดยสาเหตุของการลาออกของพระพรหมสุธี มาจากการที่ถูกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตรวจสอบพบความผิดปกติในการใช้งบประมาณการจัดพิธีพระราชทานเพลิงศพ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) อดีตเจ้าอาวาสวัดสระเกศฯและอดีตประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ซึ่งช่วงนั้นพระพรหมสุธี ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ ซึ่งผลจากการถูกตรวจสอบพบความผิดปกติจากการใช้งบฯดังกล่าวส่งผลให้พระพรหมสุธี ถูกปลดออกจากตำแหน่งกรรมการมส. ก่อนที่พระพรหมสุธี จะตัดสินใจขอลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ และเจ้าคณะภาค 12 ซึ่งการตัดสินใจลาออกของพระพรหมสุธี จะทำให้พระพรหมสุธี ยังมีโอกาสกลับมาดำรงตำแหน่งทางการปกครองสงฆ์ได้อีก หากผลสอบของสตง.พบว่าพระพรหมสุธีไม่มีความผิด

ส่วนการที่มส.แต่งตั้งพระราชเวที เป็นรองเจ้าคณะภาค 12 นั้น ได้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นในคณะสงฆ์ เนื่องจากพระราชเวที เคยถูกทางวัดพระเชตุพนฯ ตั้งคณะกรรมการสอบสวน เมื่อประมาณปี 2554 กรณีที่มีผู้ร้องเรียนว่า พระราชเวที และพระมหาสำเริง อาภัสสโร ยักยอกเงินวัดกว่า 40 ล้านบาท ซึ่งผลการสอบสวนสรุปว่า ข้อเท็จจริงคือ พระราชเวทีที่ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการฝ่ายสาธารณูปการและสาธารณสงเคราะห์ และพระมหาสำเริง กรรมการฝ่ายสาธารณูปการและสาธารณสงเคราะห์ ไม่ได้ปฏิบัติตามคำสั่งที่ทางวัดให้นำเงิน 40 ล้านบาท ไปเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารออมสิน สาขาบางลำพู แต่นำไปเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารออมสิน สาขาปากคลองตลาด โดยชี้แจงว่าการนำเงินไปฝากเข้าบัญชีธนาคารออมสิน สาขาปากคลองตลาด เพราะธนาคารสาขาดังกล่าวอยู่ใกล้วัด สามารถดำเนินการฝาก-ถอนได้สะดวก ส่วนการที่พระราชเวทีนำดอกเบี้ยเงินฝากที่เข้าธนาคารไปใช้ส่วนตัวนั้น พระราชเวทียอมรับว่าเป็นความจริง แต่นำเงินมาคืนเข้าบัญชีแล้ว สามารถตรวจสอบได้จากตัวเลขในบัญชี

ทั้งนี้คณะกรรมการสอบสวนพิจารณาว่าการกระทำดังกล่าวถือเป็นความผิดฐานบกพร่องต่อหน้าที่ แต่ไม่ถือเป็นความผิดร้ายแรง จึงมีคำสั่งลงโทษพักงาน พระราชเวที และพระมหาสำเริง ภายในวัดเป็นเวลา 3 ปี แต่สามารถอยู่จำพรรษาภายในวัดได้เช่นเดิม และทั้ง 2 รูป ยังคงสามารถช่วยงานศาสนกิจในวัด เพียงแต่ไม่ได้รับตำแหน่งสำคัญ

ด้านพระราชเวที กล่าวว่า กรณีดังกล่าวมีการพิจารณาจบสิ้นไปแล้ว และอัยการก็ไม่ได้สั่งฟ้อง ซึ่งตนก็ได้รับโทษจากทางวัดแล้ว ซึ่งเรื่องดังกล่าวเกิดจากความเข้าใจผิด ไม่ได้เป็นเรื่องของการทุจริตแต่อย่างใด ปัจจุบันตนยังคงดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนฯอยู่เช่นเดิม และเมื่อได้รับความไว้วางใจให้ดำรงตำแหน่งรองภาค 12 แล้ว จะปฏิบัติหน้าที่ให้ดีที่สุด
กำลังโหลดความคิดเห็น