กาญจนบุรี - ชาวบ้านท่าเสา ตำบลลาดหญ้า เมืองกาญจนบุรี พร้อมคณะกรรมการหมู่บ้าน ผู้นำท้องถิ่น และชาวบ้านกว่า 30 คน หารือเกี่ยวกับปัญหาที่กรมศิลปากรเสนอให้ยุบพิพิธภัณฑ์สงครามทุ่งลาดหญ้า ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่ 2 เนื้อที่ประมาณ 250 ไร่ ผลที่ประชุมมีมติเตรียมยื่นหนังสือทวงคืนวัตถุโบราณจากกรมศิลปากรที่อ้างว่าเอาไปขึ้นทะเบียนเมื่อราว 20 ปีที่แล้วคืน พร้อมเรียกร้องนอกจากไม่ยุบแล้ว ควรต้องมาบูรณะขึ้นมาใหม่
จากกรณีกรมศิลปากรเสนอให้มีการยุบพิพิธภัณฑสานแห่งชาติ 9 แห่ง ประกอบด้วย 1.พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระปฐมเจดีย์ จ.นครปฐม 2.พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พุทธชินราช จ.พิษณุโลก 3.พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี 4.พิพิธภัณฑ์สงครามทุ่งลาดหญ้า จ.กาญจนบุรี 5.พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ วัดเบญจมบพิตร กทม.6.พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ วัดเบญจมบพิตร กทม. 7.พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ วัดพระเชตุพน กทม. 8.พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ วัดมัชฒิบาวสาส จ.สงขลา และ 9.พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ มหาวีวงค์ จ.นครราชสีมา ซึ่ง 1 ในพิพิธภัณฑ์ 9 แห่ง มีพิพิธภัณฑ์สงครามทุ่งลาดหญ้า ตั้งอยู่ในพื้นที่บ้านท่าเสา หมู่ 2 ต.ลาดหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี รวมอยู่ด้วย
ล่าสุด เมื่อเวลา 19.30 น.วันนี้ (11 พ.ค.) นายธีระศักดิ์ พิศูจน์ ผู้ใหญ่บ้าน บ้านท่าเสา หมู่ 2 ต.ลาดหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี พร้อมด้วยคณะกรรมการหมู่บ้าน รวมทั้งผู้นำท้องถิ่น และชาวบ้านกว่า 30 คน ได้ประชุมหารือเกี่ยวกับปัญหาที่กรมศิลปากร เสนอให้ยุบพิพิธภัณฑ์สงครามทุ่งลาดหญ้ากาญจนบุรี ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่ 2 เนื้อที่ประมาณ 250 ไร่ ในที่ประชุมทุกคนต่างแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันไปต่างๆ นานา โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง จึงแล้วเสร็จ
นายธีระศักดิ์ พิศูจน์ กล่าวว่า ผลการประชุมหารือในวันนี้ผู้ที่มาประชุมได้มีมติเห็นพร้อมกันว่าจะทำหนังสือไปถึงเจ้าหน้าที่สำนักงานศิลปากรที่ 2 จังหวัดสุพรรณบุรี ในฐานนะที่พิพิธภัณฑ์ สงครามทุ่งลาดหญ้ากาญจนบุรี อยู่ในความดูแลมาตั้งแต่ก่อตั้งพิพิธภัณฑ์ขึ้นมาเมื่อประมาณปี พ.ศ.2529-30 สิ่งที่ชาวบ้านต้องการทราบข้อเท็จจริงคือ หลังจากที่เจ้าหน้าที่กรมศิลปากรได้มาขุดหาวัตถุโบราณโดยรอบโบสถ์วัดขุนแผนได้วัตถุโบราณชนิดต่างๆ ไปเป็นจำนวนมาก
จากนั้นได้นำวัตถุโบราณเหล่านั้นมาเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์เพียงแค่ 2 เดือน ต่อมา มีการขนย้ายออกไปซึ่งชาวบ้านไม่ทราบว่าเอาไปเก็บไว้ที่ไหน เพียงแค่ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่กรมศิลปากรในขณะนั้นว่า จะนำวัตถุโบราณทั้งหมดไปขึ้นทะเบียนให้ถูกต้อง ซึ่งผ่านมากว่า 20 ปี ก็ยังไม่มีการนำวัตถุโบราณเหล่านั้นกลับมาไว้ที่พิพิธภัณฑ์อีกเลย อีกทั้งยังปล่อยให้อาคารพิพิธภัณฑ์ทรุดโทรม พื้นที่โดยรอบก็ปล่อยให้รกร้าง
ตน และชาวบ้านยอมรับว่า ในอดีตไม่ค่อยมีใครให้ความสนใจเกี่ยวกับการสร้างอาคารพิพิธภัณฑ์มากนัก ถึงจะมีใครรู้ก็เพียงแค่ส่วนน้อย ทุกคนทราบเพียงว่า อาคารเป็นสมบัติของกรมศิลปากรเท่านั้น ซึ่งเป็นของรัฐ จึงไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งเกี่ยว แต่มาภายหลังชาวบ้านได้ติดตามข่าวสารจากสื่อต่างๆ ว่า กรมศิลปากร มีแผนที่จะยุบพิพิธภัณฑ์สงครามทุ่งลาดหญ้าแห่งนี้
เราจึงเกิดความสงสัยว่า หากยุบจริงแล้ววัตถุโบราณทั้งหมดที่กรมศิลปากรขุดไป ปัจจุบันเก็บไว้ที่ไหน มีวัตถุโบราณชนิดใดบ้าง เราคิดว่าวัตถุโบราณทั้งหมดเป็นของชุมชน และเป็นของชาวกาญจนบุรี รวมทั้งเป็นทรัพย์สมบัติของประเทศไทย ดังนั้น นอกจากกรมศิลปากรจะต้องไม่มีการยุบพิพิธภัณฑ์แล้ว กรมศิลปากรจะต้องเข้ามาบูรณะพิพิธภัณฑ์ขึ้นมาใหม่ จากนั้นต้องนำวัตถุโบราณทั้งหมดกลับมาไว้ที่พิพิธภัณฑ์เช่นเดิมถึงจะถูกต้อง โดยคาดว่าจะทำหนังสือถึงศิลปากร ได้ในเร็วๆ นี้
