วันนี้ (8 พ.ค.) นางจูลี บิชอป รัฐมนตรีว่าการต่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศและการค้าเครือรัฐออสเตรเลีย และคณะรวม 4 คน เดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ในฐานะแขกของกระทรวงการต่างประเทศ ตามคำเชิญของ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
ในการพบหารือทวิภาคีกับรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นางจูลี บิชอป ได้ถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หั วและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ให้ทรงมีพระพลานามัยแข็งแรง และได้กล่าวขอบคุณสำหรับคำเชิญเยือนประเทศไทย
ทั้งนี้ ออสเตรเลียสนับสนุนให้ประเทศไทยก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง และยินดีให้ความร่วมมือในการปฏิรูปทางการเมืองของไทย ด้วยการส่งผู้เชี่ยวชาญมาร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ นอกจากนี้ ออสเตรเลียยังมีความยินดีที่จะส่งผู้แทนเข้าร่วมการประชุมระดับภูมิภาคสมัยพิเศษ ว่าด้วยเรื่องการแก้ปัญหาผู้ลักลอบเข้าเมือง ที่ไทยจะจัดขึ้นด้วย
โอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือถึงแนวทางการส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดและยาวนานระหว่างไทยและออสเตรเลีย อาทิ ความมั่นคง การขยายการค้าและการลงทุนระหว่างกัน และการศึกษา ทั้งสองฝ่ายยังยินดีที่จะร่วมมือกันทั้งภายใต้กรอบกระบวนการบาหลีและโครงการออสเตรเลีย-เอเชียเพื่อการต่อต้านการค้ามนุษย์ และยังได้หารือถึงความร่วมมือในระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศอื่นๆ อาทิ อาเซียน อาเซียน-ออสเตรเลีย เป็นต้น
นอกจากนี้ ฝ่ายไทยเห็นว่า ไทยและออสเตรเลียควรยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างกันเป็นหุ้นส่วนที่มีความใกล้ชิดและมีความร่วมมือครอบคลุมทุกด้าน ในด้านเศรษฐกิจ ทั้งสองฝ่ายเห็นควรสนับสนุนการเพิ่มการลงทุนสองทางให้มากขึ้น โดยในปัจจุบัน ไทยลงทุนในออสเตรเลียประมาณ 6.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และออสเตรเลียลงทุนในไทยประมาณ 2.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ขณะที่ด้านการค้า ไทยและออสเตรเลียมีเป้าหมายจะเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกันให้ถึงประมาณ 19,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 20 ภายในปี ค.ศ. 2017 ตามเป้าหมายภายใต้ความตกลงเขตการค้าเสรีไทยและออสเตรเลีย (TAFTA) ซึ่งในปีนี้จะมีการจัดกิจกรรมเพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 10 ปี ของ TAFTA ด้วย
ทั้งนี้ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมด้วยรัฐมนตรีว่าการต่างประเทศออสเตรเลีย ได้ร่วมเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการแผนโคลัมโบฉบับใหม่ (New Colombo Plan) ที่ประเทศไทย ซึ่งโครงการดังกล่าวเป็นความคิดริเริ่มของฝ่ายออสเตรเลีย ที่ต้องการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนระหว่างกันเพื่อเสริมสร้างความเข้าใจในประเทศไทยและประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียในหมู่เยาวชนออสเตรเลีย โดยในปีนี้จะมีนักศึกษาชาวออสเตรเลียเดินทางมาประเทศไทยภายใต้โครงการดังกล่าวจำนวน 161 คน
ในการพบหารือทวิภาคีกับรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นางจูลี บิชอป ได้ถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หั วและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ให้ทรงมีพระพลานามัยแข็งแรง และได้กล่าวขอบคุณสำหรับคำเชิญเยือนประเทศไทย
ทั้งนี้ ออสเตรเลียสนับสนุนให้ประเทศไทยก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง และยินดีให้ความร่วมมือในการปฏิรูปทางการเมืองของไทย ด้วยการส่งผู้เชี่ยวชาญมาร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ นอกจากนี้ ออสเตรเลียยังมีความยินดีที่จะส่งผู้แทนเข้าร่วมการประชุมระดับภูมิภาคสมัยพิเศษ ว่าด้วยเรื่องการแก้ปัญหาผู้ลักลอบเข้าเมือง ที่ไทยจะจัดขึ้นด้วย
โอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือถึงแนวทางการส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดและยาวนานระหว่างไทยและออสเตรเลีย อาทิ ความมั่นคง การขยายการค้าและการลงทุนระหว่างกัน และการศึกษา ทั้งสองฝ่ายยังยินดีที่จะร่วมมือกันทั้งภายใต้กรอบกระบวนการบาหลีและโครงการออสเตรเลีย-เอเชียเพื่อการต่อต้านการค้ามนุษย์ และยังได้หารือถึงความร่วมมือในระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศอื่นๆ อาทิ อาเซียน อาเซียน-ออสเตรเลีย เป็นต้น
นอกจากนี้ ฝ่ายไทยเห็นว่า ไทยและออสเตรเลียควรยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างกันเป็นหุ้นส่วนที่มีความใกล้ชิดและมีความร่วมมือครอบคลุมทุกด้าน ในด้านเศรษฐกิจ ทั้งสองฝ่ายเห็นควรสนับสนุนการเพิ่มการลงทุนสองทางให้มากขึ้น โดยในปัจจุบัน ไทยลงทุนในออสเตรเลียประมาณ 6.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และออสเตรเลียลงทุนในไทยประมาณ 2.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ขณะที่ด้านการค้า ไทยและออสเตรเลียมีเป้าหมายจะเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกันให้ถึงประมาณ 19,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 20 ภายในปี ค.ศ. 2017 ตามเป้าหมายภายใต้ความตกลงเขตการค้าเสรีไทยและออสเตรเลีย (TAFTA) ซึ่งในปีนี้จะมีการจัดกิจกรรมเพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 10 ปี ของ TAFTA ด้วย
ทั้งนี้ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมด้วยรัฐมนตรีว่าการต่างประเทศออสเตรเลีย ได้ร่วมเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการแผนโคลัมโบฉบับใหม่ (New Colombo Plan) ที่ประเทศไทย ซึ่งโครงการดังกล่าวเป็นความคิดริเริ่มของฝ่ายออสเตรเลีย ที่ต้องการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนระหว่างกันเพื่อเสริมสร้างความเข้าใจในประเทศไทยและประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียในหมู่เยาวชนออสเตรเลีย โดยในปีนี้จะมีนักศึกษาชาวออสเตรเลียเดินทางมาประเทศไทยภายใต้โครงการดังกล่าวจำนวน 161 คน