พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ติดตามความคืบหน้าการประชุมชุดสืบสวนสอบสวนและแนวทางการให้ความช่วยเหลือผู้เสียหายคดีบริษัทยูฟัน สโตร์ ทั้งนี้ได้ระบุถึงแนวทางการทำงานว่า ได้จัดแบ่งสมาชิกเป็น 2 กลุ่มคือ กลุ่มแรกที่เข้าร่วมลงทุนและได้รับผลตอบแทนครบถ้วน ส่วนอีกกลุ่ม มาร่วมลงทุนภายหลังและพบความผิดปกติของธุรกิจ จึงต้องการถอนการลงทุน แต่บริษัทฯไม่ยินยอม
ส่วนกลุ่มบุคคลที่แสดงความคิดเห็นในลักษณะข่มขู่การทำงานของตำรวจ หากตรวจสอบมีความผิดจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฏหมาย
สำหรับคดีนี้ล่าสุดมีมูลค่าทรัพย์สินที่ทำการอายัดแล้ว 487 ล้านบาท ขณะที่ยอดผู้เสียหายที่เดินทางเข้าแจ้งความมีเพิ่มขึ้นเป็น 159 คน มูลค่าความเสียหาย 46 ล้านบาท ขณะที่ทั่วประเทศพบมีผู้เสียหายกว่า 120,000 คน
พร้อมกันนี้ ตำรวจขอศาลอนุมัติหมายจับเพิ่มอีก 1 คน ซึ่งเป็นคนไทย หลังติดตามผู้ต้องหาได้แล้ว 6 คน ส่วนอีก 7 คนคือผู้บริหารชาวมาเลเซีย 4 คน โดยหนึ่งในนั้นสวมบัตรประชาชนไทย 1 คนและคนไทยอีก 3 คน ซึ่งตำรวจได้ประสานกับตำรวจสากลเพื่อขอความร่วมมือในการติดตามตัวให้ส่งกลับมาไทยแล้ว
ส่วนเรื่องที่ ทีมกฎหมายของบริษัทยูฟัน กรุ๊ป ประเทศมาเลเซีย จะเข้ามาตรวจสอบการทำงานของเจ้าหน้าที่ ก็มีสิทธิ์ที่จะดำเนินการได้ แต่เชื่อว่าการทำงานของตำรวจเป็นไปอย่างรัดกุม ถูกต้องทุกขั้นตอนอยู่แล้ว
สำหรับมาตรการช่วยเหลือประชาชน ที่ได้รับความเสียหายจากธุรกิจยูฟัน พลตำรวจโท สุวิระ ทรงเมตตา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า เบื้องต้นจะคืนเงินให้กับผู้เสียหาย โดยใช้ทรัพย์สินที่ได้อายัดไว้แล้ว เฉลี่ยทรัพย์คืนให้ตามมูลค่าที่ผู้เสียหายแต่ละคนสูญเสียไป ซึ่ง ปคบ. จะเปิดรับแจ้งความจนถึงสิ้นเดือนเมษายนนี้เท่านั้น
ทั้งนี้ในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม พนักงานสอบสวนจะสรุปสำนวนคดี เพื่อส่งให้อัยการส่งฟ้องต่อศาลต่อไป ซึ่งขั้นตอนดังกล่าว ผู้เสียหายจะไม่สามารถแจ้งความเพิ่มเติมได้ เพราะถือว่าเสร็จสิ้นกระบวนการสอบสวนของตำรวจแล้ว
ส่วนกลุ่มบุคคลที่แสดงความคิดเห็นในลักษณะข่มขู่การทำงานของตำรวจ หากตรวจสอบมีความผิดจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฏหมาย
สำหรับคดีนี้ล่าสุดมีมูลค่าทรัพย์สินที่ทำการอายัดแล้ว 487 ล้านบาท ขณะที่ยอดผู้เสียหายที่เดินทางเข้าแจ้งความมีเพิ่มขึ้นเป็น 159 คน มูลค่าความเสียหาย 46 ล้านบาท ขณะที่ทั่วประเทศพบมีผู้เสียหายกว่า 120,000 คน
พร้อมกันนี้ ตำรวจขอศาลอนุมัติหมายจับเพิ่มอีก 1 คน ซึ่งเป็นคนไทย หลังติดตามผู้ต้องหาได้แล้ว 6 คน ส่วนอีก 7 คนคือผู้บริหารชาวมาเลเซีย 4 คน โดยหนึ่งในนั้นสวมบัตรประชาชนไทย 1 คนและคนไทยอีก 3 คน ซึ่งตำรวจได้ประสานกับตำรวจสากลเพื่อขอความร่วมมือในการติดตามตัวให้ส่งกลับมาไทยแล้ว
ส่วนเรื่องที่ ทีมกฎหมายของบริษัทยูฟัน กรุ๊ป ประเทศมาเลเซีย จะเข้ามาตรวจสอบการทำงานของเจ้าหน้าที่ ก็มีสิทธิ์ที่จะดำเนินการได้ แต่เชื่อว่าการทำงานของตำรวจเป็นไปอย่างรัดกุม ถูกต้องทุกขั้นตอนอยู่แล้ว
สำหรับมาตรการช่วยเหลือประชาชน ที่ได้รับความเสียหายจากธุรกิจยูฟัน พลตำรวจโท สุวิระ ทรงเมตตา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า เบื้องต้นจะคืนเงินให้กับผู้เสียหาย โดยใช้ทรัพย์สินที่ได้อายัดไว้แล้ว เฉลี่ยทรัพย์คืนให้ตามมูลค่าที่ผู้เสียหายแต่ละคนสูญเสียไป ซึ่ง ปคบ. จะเปิดรับแจ้งความจนถึงสิ้นเดือนเมษายนนี้เท่านั้น
ทั้งนี้ในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม พนักงานสอบสวนจะสรุปสำนวนคดี เพื่อส่งให้อัยการส่งฟ้องต่อศาลต่อไป ซึ่งขั้นตอนดังกล่าว ผู้เสียหายจะไม่สามารถแจ้งความเพิ่มเติมได้ เพราะถือว่าเสร็จสิ้นกระบวนการสอบสวนของตำรวจแล้ว
