พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีสหภาพยุโรป (อียู) ให้ใบเหลืองไทยในเรื่องการทำการประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงานและไร้การควบคุม (Illegal, Unreported and Unregulated Fishing : IUU) ว่า ได้รับรายงานประเด็นที่อียูจะออกใบเหลืองให้ไทยกรณี IUU มาตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา และเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ( 21 เม.ย.) อียูได้ประกาศให้ใบเหลืองไทยอย่างเป็นทางการ ซึ่งรัฐบาลทราบและได้ติดตามอย่างใกล้ชิด ไม่ใช่เรื่องใหม่ ขอยืนยันว่า รัฐบาลชุดนี้ไม่เคยนิ่งนอนใจและไม่เสียกำลังใจอย่างแน่นอน ตรงกันข้าม ถือว่าครั้งนี้จะเป็นโอกาสดีที่ทำให้คนในชาติ ทั้งข้าราชการและเอกชน โดยเฉพาะคนที่ไม่ทำงาน หรือแอบทำในสิ่งผิดกฎหมาย ลุกขึ้นมาแก้ไข ปรับปรุงตัวเอง เพราะรัฐบาลนี้เอาจริงแน่นอน
นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า จะใช้คำสั่งมาตรา 44 ในการแก้ปัญหานี้ เพื่อให้อำนาจทหารเข้าไปช่วยเจ้าหน้าที่ทำงานเพื่อให้เกิดการบูรณาการในการทำงาน ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้น ปฏิเสธไม่ได้ว่าไทยบกพร่องกับปัญหานี้มานาน จนนำไปสู่การถูกลดระดับความหน้าเชื่อถือ ขณะที่ปัญหาประมงที่ผิดกฎหมาย IUU มีการแจ้งเตือนมานานแล้ว และรัฐบาลกำลังพยายามแก้ไขปัญหาอยู่ในขณะนี้ แต่ไม่รับประกันว่าจะแก้ปัญหาได้ภายใน 6 เดือน อย่างไรก็ตาม รัฐบาลให้ความสำคัญโดยเป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งจะต้องแก้ปัญหาทั้งระบบ ทั้งในเรื่องของการออกกฏหมาย รวมถึงการตรวจสอบผู้ประกอบการ ตลอดจนในเรื่องของเจ้าหน้าที่ในการตรวจเข้ม และความร่วมกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อให้เกิดความรวดเร็วในการทำงาน โดยจะไม่ออกเป็นพระราชกำหนด ในขณะที่พระราชบัญญัติการทำประมง ยังอยู่ในการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. ดังนั้นจึงจำเป็นต้องใช้มาตรา 44 มาบังคับใช้ก่อน
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า รัฐบาลได้แก้ปัญหา เช่น การติดตั้งจีพีเอส ในการติดตามเรือ และจดทะเบียนเรือ ซึ่งขณะนี้สามารถจดทะเบียนได้ 2-3 หมื่นลำ แต่ยังเหลือส่วนที่ยังไม่กลับเข้าฝั่ง รวมถึงในเรื่องนี้เบื้องต้นตนเองได้หารือกับผู้นำอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น เพื่อจัดตั้งกองเรือแก้ปัญหาทั้งระบบ ซึ่งจะเห็นเป็นรูปธรรมในการพูดคุยที่มาเลเชีย ในการประชุมอาเซียนในสัปดาห์หน้า
ส่วนการช่วยเหลือแรงงานประมงที่อินโดนีเชีย นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากประเทศอินโดนีเซียในการดูแลแรงงานไทยที่ถูกจับกุมจนกว่าจะสามารถส่งตัวกลับไทยได้ ซึ่งเบื้องต้นอินโดนีเซียจะเปิดน่านน้ำ เพื่อตรวจสอบประมงที่ผิดกฏหมาย
นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า จะใช้คำสั่งมาตรา 44 ในการแก้ปัญหานี้ เพื่อให้อำนาจทหารเข้าไปช่วยเจ้าหน้าที่ทำงานเพื่อให้เกิดการบูรณาการในการทำงาน ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้น ปฏิเสธไม่ได้ว่าไทยบกพร่องกับปัญหานี้มานาน จนนำไปสู่การถูกลดระดับความหน้าเชื่อถือ ขณะที่ปัญหาประมงที่ผิดกฎหมาย IUU มีการแจ้งเตือนมานานแล้ว และรัฐบาลกำลังพยายามแก้ไขปัญหาอยู่ในขณะนี้ แต่ไม่รับประกันว่าจะแก้ปัญหาได้ภายใน 6 เดือน อย่างไรก็ตาม รัฐบาลให้ความสำคัญโดยเป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งจะต้องแก้ปัญหาทั้งระบบ ทั้งในเรื่องของการออกกฏหมาย รวมถึงการตรวจสอบผู้ประกอบการ ตลอดจนในเรื่องของเจ้าหน้าที่ในการตรวจเข้ม และความร่วมกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อให้เกิดความรวดเร็วในการทำงาน โดยจะไม่ออกเป็นพระราชกำหนด ในขณะที่พระราชบัญญัติการทำประมง ยังอยู่ในการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. ดังนั้นจึงจำเป็นต้องใช้มาตรา 44 มาบังคับใช้ก่อน
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า รัฐบาลได้แก้ปัญหา เช่น การติดตั้งจีพีเอส ในการติดตามเรือ และจดทะเบียนเรือ ซึ่งขณะนี้สามารถจดทะเบียนได้ 2-3 หมื่นลำ แต่ยังเหลือส่วนที่ยังไม่กลับเข้าฝั่ง รวมถึงในเรื่องนี้เบื้องต้นตนเองได้หารือกับผู้นำอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น เพื่อจัดตั้งกองเรือแก้ปัญหาทั้งระบบ ซึ่งจะเห็นเป็นรูปธรรมในการพูดคุยที่มาเลเชีย ในการประชุมอาเซียนในสัปดาห์หน้า
ส่วนการช่วยเหลือแรงงานประมงที่อินโดนีเชีย นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากประเทศอินโดนีเซียในการดูแลแรงงานไทยที่ถูกจับกุมจนกว่าจะสามารถส่งตัวกลับไทยได้ ซึ่งเบื้องต้นอินโดนีเซียจะเปิดน่านน้ำ เพื่อตรวจสอบประมงที่ผิดกฏหมาย
