นายกมล รอดคล้าย เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) เปิดเผยกรณีหลังผู้ปกครองนักเรียนชายจากโรงเรียนดังย่านรามคำแหง ร้องเรียนว่า ลูกชายพร้อมเพื่อนนักเรียนอีก 3 คน ถูกกระทำการล่วงละเมิดทางเพศขณะเดินทางไปดูงานโครงการนักเรียนวิทยาศาสตร์สู่สากล ระหว่างวันที่ 8-11 มีนาคม ที่ประเทศสิงคโปร์ ว่า ได้รับรายงานอย่างไม่เป็นทางการจากศูนย์เฉพาะกิจช่วยเหลือนักเรียนของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ว่า ครูรายดังกล่าวได้ลาออกจากโรงเรียนแล้ว
อย่างไรก็ตามแม้เจ้าตัวจะลาออกไปแล้ว แต่การดำเนินคดีทางอาญาที่ผู้ปกครองไปแจ้งความไว้ยังคงเดินหน้าต่อ รวมถึงการดำเนินการทางวินัยก็ต้องเดินหน้าไปจนสิ้นสุดกระบวนการเช่นกัน ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงซึ่งมีแนวโน้มสูงว่าจะมีมูล เพราะเจ้าตัวเองก็ลาออกด้วย ดังนั้นหลังจากกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงสรุปผลการสอบสวนแล้ว ก็จะมีการตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัยต่อไป
"จริงๆ แล้ว ครูรายดังกล่าว มีอายุราชการแค่ 7 ปี ไม่มีสิทธิได้เงินบำนาญอยู่แล้ว แต่หากผลการสอบสวนทางวินัยออกมาเป็นความผิดทางวินัยร้ายแรง ต้องลงโทษโดยการปลดออก ไล่ออกแล้ว จะมีผลต่อเงินตอบแทนอื่นๆ ที่เจ้าตัวอาจมีสิทธิได้รับ เพราะฉะนั้น สพฐ.จำเป็นต้องดำเนินการทางวินัยไปจนสิ้นสุดกระบวนการ นอกจากนั้น สพฐ.ยังทำเรื่องไปยังคุรุสภาด้วย ให้เพิกถอนใบอนุญาติประกอบของครูรายนี้ทันทีที่ผลสอบสวนทางวินัยออกมา เพื่อป้องกันไม่ให้ครูกลับมาเป็นครูที่โรงเรียนอื่นๆ ได้อีก" นายกมล กล่าว
นายกมล กล่าวต่อว่า ประเด็นเรื่องการเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูแก่ครูที่กระทำความผิดนั้น สพฐ.ได้หารือกับ พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งมีความคิดตรงกันว่า คุรุสภา จะต้องเข้ามามีบทบาทด้วยเมื่อเกิดเหตุครูกระทำผิดขึ้น คุรุสภาจัดหน่วยเข้าไปร่วมในการสอบสวน ที่สำคัญ สพฐ.จะเสนอให้คุรุสภา ระงับใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเป็นการชั่วคราวระหว่างครูที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดถูกสอบสวน หากผลการสอบสวนออกมาว่า ผิดจริง ก็ให้เพิกถอนใบอนุญาตฯเป็นการถาวร แต่ถ้าผลการสอบสวนออกมาว่า ไม่ผิด หรือถ้าเจ้าตัวไปสู้คดีแล้วผลการดำเนินคดีออกมาว่า ไม่มีความผิด ก็สามารถขอคืนใบอนุญาตฯได้
อย่างไรก็ตามในกรณีของครูรายนี้จะให้เป็นตัวอย่างและผลการสืบสวนข้อเท็จจริงมีปนวโน้มสูงว่า มีมูล สพฐ.จะเสนอให้คุรุสภา เพิกถอนใบอนุญาตฯทันทีที่ผลการสอบสวนทางวินัยออกมา
อย่างไรก็ตามแม้เจ้าตัวจะลาออกไปแล้ว แต่การดำเนินคดีทางอาญาที่ผู้ปกครองไปแจ้งความไว้ยังคงเดินหน้าต่อ รวมถึงการดำเนินการทางวินัยก็ต้องเดินหน้าไปจนสิ้นสุดกระบวนการเช่นกัน ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงซึ่งมีแนวโน้มสูงว่าจะมีมูล เพราะเจ้าตัวเองก็ลาออกด้วย ดังนั้นหลังจากกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงสรุปผลการสอบสวนแล้ว ก็จะมีการตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัยต่อไป
"จริงๆ แล้ว ครูรายดังกล่าว มีอายุราชการแค่ 7 ปี ไม่มีสิทธิได้เงินบำนาญอยู่แล้ว แต่หากผลการสอบสวนทางวินัยออกมาเป็นความผิดทางวินัยร้ายแรง ต้องลงโทษโดยการปลดออก ไล่ออกแล้ว จะมีผลต่อเงินตอบแทนอื่นๆ ที่เจ้าตัวอาจมีสิทธิได้รับ เพราะฉะนั้น สพฐ.จำเป็นต้องดำเนินการทางวินัยไปจนสิ้นสุดกระบวนการ นอกจากนั้น สพฐ.ยังทำเรื่องไปยังคุรุสภาด้วย ให้เพิกถอนใบอนุญาติประกอบของครูรายนี้ทันทีที่ผลสอบสวนทางวินัยออกมา เพื่อป้องกันไม่ให้ครูกลับมาเป็นครูที่โรงเรียนอื่นๆ ได้อีก" นายกมล กล่าว
นายกมล กล่าวต่อว่า ประเด็นเรื่องการเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูแก่ครูที่กระทำความผิดนั้น สพฐ.ได้หารือกับ พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งมีความคิดตรงกันว่า คุรุสภา จะต้องเข้ามามีบทบาทด้วยเมื่อเกิดเหตุครูกระทำผิดขึ้น คุรุสภาจัดหน่วยเข้าไปร่วมในการสอบสวน ที่สำคัญ สพฐ.จะเสนอให้คุรุสภา ระงับใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเป็นการชั่วคราวระหว่างครูที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดถูกสอบสวน หากผลการสอบสวนออกมาว่า ผิดจริง ก็ให้เพิกถอนใบอนุญาตฯเป็นการถาวร แต่ถ้าผลการสอบสวนออกมาว่า ไม่ผิด หรือถ้าเจ้าตัวไปสู้คดีแล้วผลการดำเนินคดีออกมาว่า ไม่มีความผิด ก็สามารถขอคืนใบอนุญาตฯได้
อย่างไรก็ตามในกรณีของครูรายนี้จะให้เป็นตัวอย่างและผลการสืบสวนข้อเท็จจริงมีปนวโน้มสูงว่า มีมูล สพฐ.จะเสนอให้คุรุสภา เพิกถอนใบอนุญาตฯทันทีที่ผลการสอบสวนทางวินัยออกมา