“กมล” เผยครูตุ๋ยเด็กลาออกแล้ว ระบุผลสอบข้อเท็จจริงไม่เป็นทางการเป็นได้สูงว่าเรื่องดังกล่าวมีมูล ยันเดินหน้าสอบต่อจนถึงกระบวนการสอบวินัย และส่งเรื่องให้คุรุสภาเพิกถอนตั๋วครู หลังผลสอบวินัยออก หวังเชือดให้เป็นตัวอย่างและป้องกันไม่ให้กลับมาเป็นครูอีก
วันนี้ (28 มี.ค.) นายกมล รอดคล้าย เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) เปิดเผยความคืบหน้าการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีผู้ปกครองร้องเรียนสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ว่า ครูชายโรงเรียนมัธยมชื่อดังแห่งหนึ่ง กระทำการล่วงละเมิดทางเพศบุตรชายและเพื่อนนักเรียนชายอีก 3 คน ระหว่างเดินทางไปดูงานโครงการนักเรียนวิทยาศาสตร์สู่สากล เมื่อวันที่ 8 - 11 มีนาคม ที่ประเทศสิงคโปร์ ว่า เบื้องต้นได้รับรายงานอย่างไม่เป็นทางการจากศูนย์เฉพาะกิจคุ้มครองและช่วยเหลือเด็กนักเรียน ของ สพฐ. ว่า ครูรายดังกล่าวได้ยื่นหนังสือลาออกจากโรงเรียนแล้ว อย่างไรก็ตาม แม้เจ้าตัวจะลาออกไปแล้ว แต่การดำเนินคดีทางอาญาที่ผู้ปกครองไปแจ้งความไว้ยังคงเดินหน้าต่อ รวมถึงกระบวนการทางวินัยที่โรงเรียนตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ก็ต้องเดินหน้าไปจนสิ้นสุดกระบวนการเช่นกัน ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนตรวจสอบข้อเท็จจริงและมีแนวโน้มสูงว่า เรื่องดังกล่าวจะมีมูลเพราะเจ้าตัวเองก็ลาออกด้วย เพราะฉะนั้น หลังจากคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงสรุปผลการสอบสวนแล้ว ก็จะมีการตั้งกรรการสอบสวนทางวินัยต่อไป
“ครูรายดังกล่าว มีอายุราชการแค่ 7 ปี จึงไม่มีสิทธิได้เงินบำนาญอยู่แล้ว แต่หากผลการสอบสวนทางวินัยออกมาเป็นความผิดทางวินัยร้ายแรง ต้องลงโทษโดยการปลดออก ไล่ออก และจะมีผลต่อเงินตอบแทนอื่นๆ ที่เจ้าตัวอาจมีสิทธิได้รับ เพราะฉะนั้น สพฐ. จำเป็นต้องดำเนินการทางวินัยไปจนสิ้นสุดกระบวนการ นอกจากนั้น สพฐ. ยังทำเรื่องไปยังสำนักงานเลขาธิการคุรุสภาด้วยเพื่อขอให้เพิกถอนใบอนุญาติประกอบวิชาชีพครู ของครูรายนี้ทันทีที่ผลสอบสวนทางวินัยออกมา เพื่อป้องกันไม่ให้ครูกลับมาเป็นครูที่โรงเรียนอื่นๆ ได้อีก” เลขาธิการ กพฐ. กล่าวและว่า เรื่องการเพิกถอนใบอนุญาตฯ นั้นได้หารือกับ พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และเห็นตรงกันว่าคุรุสภา ต้องเข้ามามีบทบาทเมื่อครูกระทำผิด โดยควรจัดหน่วยเข้าไปร่วมในกระบวนการสอบสวน ทั้งนี้ สพฐ. จะเสนอให้คุรุสภา ระงับใบอนุญาตฯ ชั่วคราวของครูที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดและอยู่ระหว่างสอบสวน หากผลสอบออกมามีความผิดก็ให้เพิกถอนใบอนุญาตฯ แต่หากไม่ผิดผู้ถูกกล่าวหาสู้คดีและผลปรากฏชัดว่าไม่ผิดก็สามารถขอคืนใบอนุญาตฯได้
นายกมล กล่าวด้วยว่า อย่างไรก็ตาม จะใช้กรณีของครูรายดังกล่าวเป็นตัวอย่าง เนื่องจากผลสืบสวนข้อเท็จจริงมีข้อมูลน่าเชื่อถือสูงว่าเรื่องที่เกิดขึ้นน่าจะมีมูล เพราะฉะนั้น ทันที่ผลการสอบสวนทางวินัยออกมา หากมีความผิดชัดเจน สพฐ.จะเสนอให้คุรุสภา เพิกถอนใบอนุญาตฯทันที
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
